เหตุเกิดเมื่อผมไปหาของกินที่ 7-11…
เนื่องด้วยช่วงนี้เทศกาลกินเจ กำลังถล่มผู้คนทุกย่อมหญ้า เป็นธรรมดาที่ของกินทุกประเภท ตามห้างร้านจะต้องทำการปรับตัวตามไปด้วย แต่ที่ไม่เข้าใจคือ จะติดป้ายบอกทำไมว่าพายสับปะรดมันคือ "เจ" ไหนจะมีกาแฟ และขนมปังหลากหลายไส้อีก ซึ่งทั้งนี้ความสงสัยผมตั้งอยู่บนฐานของคนที่ไม่ “กินเจ”
คำนวณง่ายๆ อาหารเหล่านี้ มันก็ไม่มีส่วนผสมเนื้อสัตว์หอกหักอยู่แล้ว หรือบ้านมึงเอาเนื้อหมูมาผสมพายสับปะรด เอาเนื้อไก่บดผสมใส่ในกาแฟฟะ?
มองในแง่การตลาด ความสะดวกสบาย ใช่อยู่แล้ว คนซื้อสะดวกขึ้น ง่ายขึ้น แค่เห็นป้ายเหลืองๆ ตรงคำว่า "เจ" ก็หยิบไปเลยแทบจะไม่ต้องดูอะไรให้เยอะ แต่คนทำขายคงลืมไปซิว่า คนแดกเจ มันโคตรระวังตัวจะตายห่า กับการจะแดกอะไรซักอย่างแต่ละชิ้น เผลอๆ คิดมาประสาทแดกเสียจน จะไม่กล้าจะกินอะไรเลย
…………………………………………………
ให้หลัง จากนั้นไปไม่ถึงวัน มีเพื่อนมาสะกิดบอก ว่าเฮ้ย ไอ้ที่แกสงสัย มันอาจจะไม่มีส่วนผสม ของนม เนย ไข่ ก็ได้เว้ย อย่าลืมว่าการกินเจ ไม่ใช่แค่การละเว้นเนื้อสัตว์อย่างเดียว ของอย่างอื่นที่ทำมาจากสัตว์ก็ห้ามเหมือนๆ กัน
ว่าแล้ว วันต่อมาผมกลับไปสำรวจอีกรอบอย่างถี่ถ้วน พร้อมค้นข้อมูลอย่างกระจุยกระจาย (ทั้งๆ ที่ไม่ได้แดกเจกับเขา แต่ก็ดันไปหาเรื่องปวดให้ตัวเอง)
อาศัยการสุ่มมาหยิบดูเฉพาะไอ้ที่ติดและไม่ติดป้ายว่าเจมา 3-4 ตัว ซึ่งผลก็ปรากฏส่วนผสมดังภาพ
นั่นจึงพอจะอนุมานได้ว่า ป้ายที่ติดมันไม่ได้ติดแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ทว่ามีการแบ่งแยกคัดกรองอย่างชัดเจนว่าอะไรคือเจ อะไรไม่ใช่เจ
สำหรับท่านที่เพิ่งเข้าวงการเจใหม่ๆ หรือเข้ามานานแล้ว อาจจะสงสัยว่า อ้าว แล้วจะรู้ได้ไงว่าอันไหนเจ ไม่เจ ในกรณีที่ไม่ติดป้าย ซึ่งอันนี้ก็ต้องดูส่วนประกอบข้างซองเอา
กรณีถ้ามันมีเนย นม ไข่ มาด้วย ในขนมปัง อันนี้จะแดกไม่ได้ฮะ (แต่นมไม่ค่อยเห็นด้วยนะ ก็เราแค่รีดมันออกมา ไม่ได้ฆ่า หรือเบียดเบียนซักหน่อย หรือว่าการรีดนมสัตว์ถือเป็นการเบียดเบียน ฉะนั้นการรีดนมเมีย ดูดนมแฟนก็ผิดด้วยอ่ะซิ อิอิ)
สำหรับคนคิดเหนือชั้นไปอีกขั้น อาจจะบอกว่า ขนมปังทุกชนิด ส่วนใหญ่มันก็แดกไม่ได้ทั้งหมดแหละ เนื่องจากส่วนผสมหลักๆ ของมันคือแป้งสาลี ยีสต์ หรือผงฟู ซึ่งไอ้เจ้ายีสต์นิ ในทางวิทยาศาสตร์นับว่าเป็นสัตว์นะครับ แต่ในทางเจเห็นเขาบอกกินได้
จากปัญหาความคิดซับซ้อนดังกล่าว (คงมีหลายคนคิดแบบนั้น) ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นว่าหาความชัดเจนไม่เจอในการแบ่งแยกอาหาร ว่าอะไรคือเจ อะไรไม่คือเจ
เอาแบบนี้ ในเมื่อการกินเจมันชักจะยุ่งยากมากขึ้นจนน่ารำคาญ เอาเป็นว่าไม่ต้องไปเคร่งมันมาก ซึ่งก็คือไม่ต้องไปคิดให้ลำบากถึงขั้นละเอียด ประหนึ่งทำการทดลองสารเคมี แต่โปรดจงอยู่ในกรอบอันถูกต้องตามหลักของการกินเจ
การละเว้นการกินเนื้อสัตว์คือเรื่องที่เราเข้าใจกันง่ายๆ ส่วนอย่างอื่นที่ห้ามแตะนอกจากเนื้อสัตว์ ก็จะมีทั้งนม ไข่ น้ำผึ้ง น้ำปลา เจลาติน คอลลาเจน และผักฉุน 5 ชนิด อันได้แก่ กระเทียม หอม (ทุกชนิดอาทิ ต้นหอม หัวหอม หอมแดง) หลักเกียว กุยช่าย และใบยาสูบ ส่วนอาหารรสจัดก็ห้ามเช่นกัน ทั้งแบบเผ็ดมาก หวานมาก เปรี้ยวมาก เค็มมาก แต่จืดมากกินได้นะ ฮ่าๆๆ
แต่ที่สำคัญกว่าการไม่กินเนื้อสัตว์นั้น คือการถือศีลห้าไปในตัวด้วย หรือใครอยากได้บุญเยอะ ก็ถือศีล 8 ไปเลย ซึ่งถ้าหากการถือศีลขาดไปตรงนี้ การไม่กินเนื้อสัตว์ในช่วงเทศกาล ก็แทบจะไม่ก่อประโยชน์อันใดให้กับตน
ไม่ใช่ว่ากินเจอย่างเท่ แต่ตื่นเช้ามาไปเรียน ไปทำงาน แค่มีคนขับรถปาดหน้า ก็ด่าไปทั้งโคตร เจอเพื่อนร่วมงานที่ไม่ถูกขี้หน้าก็ด่ามันในใจ เห็นคนอื่นสวยกว่าเรา ก็นึกอิจฉาว่าอีห่า หน้าอย่างมึงคงโบ๊ะมาเต็มที่ ศัลยกรรมมาล่ะซิ ไหนจะไม่มีระเบียบวินัยในชีวิต จอดรถบนที่ห้ามจอด ฝ่าไฟแดง แซงคิวเวลาซื้อของ และสารพัดของการทุศีล ซึ่งหากเกิดพฤติกรรมแบบนี้กับตัวเอง คงไม่ผิดที่จะบอกว่าอยู่ในข่าย “มือถือสาก ปากถือศีล”
เอ๊ะ หรือว่าไอ้ที่กินเจส่วนใหญ่ทุกวันนี้ เป็นอย่างที่ผมว่า? เผลอๆ อาจจะเป็นมานานแล้วด้วยก็ได้ ใครจะไปรู้?