
ยืนต่อสู้กับความกลัวอยู่ชั่วครู่ ใจก็คิดไปถึง เสือสมิง งูยักษ์ ผีปอบ ผีกระสือ ผีป่าห่าเหว ฤาษีตาไฟ จากตำนานเรื่องเล่า และอีกสารพัดที่ใจจะนึกคิดอะไรที่มันน่ากลัวในป่า รวมทั้งเรื่องราวของหนังอย่างเรื่อง “As Above So Below แดนหลอนสยองใต้โลก” หรือ “Chronicle บันทึกลับเหนือโลก” ตอนไปพบเจอพลังงานลึกลับในถ้ำลึก ขอบอก ตอนนั้นประสาทเริ่มกิน และรู้สึกชีวิตตัวเองจะรอดไม่รอด
ถ้าจะให้แปลงเป็นสมการคงได้ประมาณนี้ ความมืด+จินตนาการมนุษย์+ความไม่รู้ = ความน่ากลัว ที่น่ากลัวกว่าอะไรที่ยกตัวอย่างจากย่อหน้าข้างบน
ผมค่อยๆ เดินลงบันไดมาจากถ้ำแก้ว ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเจอป้ายตรงทางขึ้นติดไว้บอกว่า"ห้ามเข้า อันตราย" ด้วยตัวหนังสือสีแดงๆ จากแผ่นป้ายเหล็กสีน้ำเงิน
“เออถึงไม่ห้าม ก็ไม่กล้าเข้าไปล่ะครับ น่ากลัวขนาดนั้น" ผมคิดในใจ…
ถึงตรงนี้ ก็พอจะทราบกันแล้วว่าที่นี่ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไร ใครนึกจะมาคนเดียวแบบผม ถ้าไม่แน่จริงและไม่จำเป็น อย่าเสี่ยง หาเพื่อนมาด้วยซักสองสามคนเป็นดี ส่วนผมนี้ในเมื่อไหนๆ มากันแล้ว ก็ต้องเสี่ยงและหาความตื่นเต้นให้ชีวิตกันต่อไป
จากถ้ำเงินมายังถ้ำกุ๊บซึ่งเป็นถ้ำที่สอง ทางเดินยังคงเลียบไปตามหน้าผาเช่นเคยอยู่ห่างกันไม่มากนัก ระหว่างทางตรงผามีสายสิญจน์ลากยาวเป็นเส้นเดียวไป ให้อารมณ์ว่าแถวนี้ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิงสถิตกันอยู่ และก่อนถึงตรงปากถ้ำกุ๊บ มีบางช่วงที่หน้าผามีโพรงถ้ำเล็กๆ เข้าไป ให้ได้เหลียวมอง (แต่อย่าได้เข้าไปเชียว เพราะไม่รู้จะเจออะไรบ้าง)
ลักษณะของถ้ำกุ๊บปากถ้ำสูงประมาณ 1 เมตร เวลาเดินเข้าไปต้องก้มหัวเอา ข้างในถ้ำเป็นโพรงไม่ใหญ่มาก ลึกประมาณ 50 เมตร เห็นจะได้ จากแสงสว่างที่ส่องมาจากด้านนอก ทำให้เห็นว่าด้านในนี้ มีแท่นปูนที่ถูกสร้างไว้ ซึ่งน่าจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป
ถ้ำกุ๊บ ถ้าเทียบอัตราความลึกลับกับถ้ำเงินตะกี้ ถ้ำแรกดูมีเยอะกว่าหลายขุม (ไม่เยอะได้ไง ติดป้ายห้ามเข้าซะขนาดนั้น) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองถ้ำก็ไม่ควรเข้าไปอยู่ดี เต็มที่ก็ชมกันแค่ตรงภายนอกตรงปากถ้ำเอา
ผ่านมาแล้วกันสองถ้ำ อารมณ์ความกลัวค่อยๆ ลดลง พร้อมๆ กับอัตราความตื่นเต้นและสนุกที่คาดหวังไว้แต่แรก ผมยังเหลือภารกิจต่อกับถ้ำสุดท้ายของที่นี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรดีให้ชมกันบ้าง ได้แต่หวังว่าภารกิจที่ถ่อสังขารกันมาถึงขนาดนี้ ไคลแม็กซ์ดีๆ คงรออยู่ที่ปลายทางกัน
ไว้มาต่อกันให้จบกับตอนสุดท้ายครับ