หลังจากเดินทอดน่องมาไม่ทันไร ชมป่าไม้ไปเรื่อยเปื่อย และแล้วเราก็มีถึงน้ำตกตาดหมอกกันครับ
น้ำตกตาดหมอก เป็นน้ำตกขนาดกลางมีชั้นผาหินซ้อนๆ กัน สูง 20 เมตร แทรกตัวอยู่กลางป่าเบญจพรรณอันร่มรื่น เป็นต้นลำน้ำแม่แรม เมตร น้ำตกแห่งนี้ จะเป็นฟุ้งละอองสีขาวราวกับสายหมอก ก็เลยมีชื่อว่า น้ำตกตาดหมอก กัน ทั้งนี้น้ำตกตาดหมอก น้ำจะมากในช่วงหน้าฝน ส่วนหน้าแล้งมีปริมาณน้ำน้อย กรณีฤดูหนาวจะมีนกอพยพมาอยู่เป็นจำนวนมาก
หลังจากใช้เวลาเสพความเย็นสดชื่นจากน้ำตาดหมอกกันแล้ว ขากลับผมเลยเลือกเดินเลาะมาตามลำธารเอา แทนที่จะเดินตามที่ที่อุทยานจัดไว้ให้ ใจก็เพราะอยากชมธรรมชาติริมลำธารกัน ก็ตอนมาชมป่ากันมาแล้วนี่ครับซึ่งไอ้ครั้นจะเดินกลับไปทางเดิมมันก็กระไรๆ กันอยู่
สำหรับสภาพลำธารในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ มีน้ำน้อยครับ ที่เห็นๆ กันอยู่จะเป็นโขดหิน ก้อนเล็กก้อนใหญ่กันไป ช่วงไม่มีน้ำแบบนี้ ดูๆ ธรรมชาติก็สวยดีไปอีกแบบ
40 นาทีเห็นจะได้ กับการใช้เวลาในการมาเที่ยวน้ำตกตาดหมอกให้เสร็จสิ้น และที่เหลือจากนี้ มีเรื่องจะแนะนำสำหรับคนที่อยากมาเที่ยว
1.มารถส่วนตัวจะสะดวกกว่าใคร ถนนดี มอเตอร์ไซค์มาได้ใครไม่มีจะเหมา หรือเช่ารถมา อันนี้ก็ได้ ไม่ว่ากัน
2.ร้านอาหารที่นี้ไม่เห็นมีนะครับ ฉะนั้นอยากกินอะไรก็ซื้อเข้ามาเอาแต่แรก แต่อย่าลืมตอนกลับออกไป อย่างทิ้งขยะอะไรให้มันเรี่ยราด
3.เรื่องที่พักแรม อันนี้ไม่แน่ใจว่าเขาให้กางเต็นท์ได้มั้ย ยังไงลองสอบถามเจ้าหน้าที่กันดูก่อน แต่ถ้ากางได้ ผมว่าที่นี่บรรยากาศเยี่ยมไปเลยล่ะ ที่สำคัญคนไม่ค่อยเยอะและพลุกพล่าน
4.เอารถส่วนตัวมา แนะนำว่าให้จอดด้านนอกครับ ประหยัดตังค์ค่าธรรมเนียม เพราะจากจุดที่ทำการอุทยานไปมันไม่ไกลจากน้ำตกมากเลย ฉะนั้นเดินเอาเถอะดีกว่าเห็นๆ ได้ออกกำลังกาย ได้ชมนกชมไม้กันไปด้วย
5. เรื่องค่าธรรมเนียม เห็นบอกว่าจ่ายไป 20 บาท (ราคาคนไทย) สามารถใช้ผ่านด่านเข้าน้ำตกแม่สา น้ำตกมณฑาธาร และน้ำตกหมอกฟ้าได้ภายในวันเดียว ยังไงเพื่อความชัวร์ ถามเจ้าหน้าที่ย้ำกันอีกรอบ
6.มาเที่ยวตอนหน้าฝนน่าจะเข้าท่า น้ำตกน่าจะมีน้ำเยอะ ไหลรินแบบเย็นฉ่ำ แต่หน้าหนาวก็ให้อารมณ์ความชุ่มชื่นกันไปอีกแบบ
7.เทียวกันให้สนุกครับ และมีจิตสำนึกที่ดีของการเป็นนักท่องเที่ยวด้วย
8.ไว้คราวหน้าเจอกันใหม่ ตราบใดที่ผมยังมีแรงเที่ยว และแรงเขียนหนังสือให้คนอ่านกันครับ อิอิน้ำตกตาดหมอกกัน