ผาเงิบ

“เงิบ” ถ้าเป็นศัพท์วัยรุ่นยุคโซเชียล เน็ตเวิร์ก ก็คงมีความหมายทำนองในทำนองหน้าแตก จนไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้  หรือเจอการสวนกลับด้วยคำพูด หรือการกระทำที่คาดไม่ถึง ซึ่งส่วนมากมักจะเกิดกับคนที่รู้ไม่จริงแล้วชอบอวด สุดท้ายก็เจอคนรู้จริงมาตอกย้ำความสำเร็จว่าแก “เงิบ” นะ

อารมณ์ “เงิบ” ดูๆ ไปจึงไม่ต่างจากคำว่า “เสียหมา” ซักเท่าไหร่

แต่สำหรับคำว่า “เงิบ” ในภาษาไทยถิ่นเหนือ (คำเมือง) มีความหมายว่า ยื่นง้ำออกมา ดังนั้น “ผาเงิบ” จึงหมายถึง หน้าผาหรือเงื้อมผาที่เป็นหินผาที่สูงยื่นง้ำออกมา

ผาเงิบ อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวน่าแวะระหว่างเส้นทางไปยังดอยสุเทพ ซึ่งจากวังบัวบานมาไม่เท่าไหร่ ท่านก็จะพบกับป้ายผาเงิบ เชิญชวนท้าสายตากันอยู่

จากป้ายที่บอกไว้ 40 เมตร เดินลงไปก็จะเจอผาเงิบกัน ลักษณะมันจะเป็นเหมือนแอ่ง แล้วมีหน้าผายื่นออกมา ซึ่งตรงกลางแอ่งก็จะมีน้ำตกไหลผ่านเอื่อยๆ

จากวันที่ไป เท่าที่เห็นก็มีเด็กวัยรุ่นไปเล่นน้ำกันซัก 4-5 คน ซึ่งคาดว่าที่มันมีคนน้อยก็เพราะ บรรยากาศโดยรอบมันดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่ในความปลอดภัย (หรือผมคิดไปเองว่ะ) แต่ก็นะ อันนี้ก็แล้วแต่มุมมองคน แต่จากจุดนี้ไป มันสามารถเดินทะลุไปยังวังบัวบานได้

นอกจากนี้ ผาเงิบ ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ การตามหารอยเท้าของครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ลำพูน ที่ท่านได้เคยประทับเหยียบไว้บนแผ่นหินข้างน้ำตกห้วยแก้ว เชิงดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อครั้งที่ท่านไปช่วยครูบาเจ้าศรีวิไชย นักบุญแห่งล้านนาไทยสร้างทางขึ้นดอยสุเทพเมื่อปี พ.ศ. 2478 ซึ่งตอนนั้นท่านอายุได้เพียง 22 ปี

เรื่องมีอยู่ว่า ตอนที่หมู่คณะสายน่าน-ลพบุรีคณะหนึ่ง ได้ไปกราบครูบาชัยวงศ์ฯ ที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ครูบาชัยวงศ์ฯท่านคงจะเล็งญาณเห็นว่า หมู่คณะนี้มีวาสนาเนื่องด้วยท่านมาแต่กาลก่อน ท่านก็เลยเมตตาบอกว่า

 “ที่น้ำตกห้วยแก้ว ตรงผาเงิบ เชิงดอยสุเทพนั้น ครูบาเคยเหยียบรอยเท้าไว้อยู่บนหินน้ำตก หากขึ้นไปอยู่บนสะพานข้ามห้วย แล้วมองไปทางต้นน้ำ จะแลเห็นรอยเท้าครูบาอยู่ใกล้ๆกัน ให้ลองไปหาดูเอาเถอะ”

จะด้วยแรงศรัทธาหรืออะไรก็แล้วแต่ หมู่คณะสายน่าน-ลพบุรีคณะนี้ จึงได้พากันไปค้นหาตามคำของครูบาวงศ์จนพบ และได้มีจิตศรัทธาสร้าง “อนุสรณ์สถาน”พร้อมป้ายหินติดไว้เป็นสัญลักษณ์ หลังจากที่ครูบาท่านได้มรณภาพไม่นาน ท่ามกลางเหตุปาฏิหาริย์มากมาย โดยพอเริ่มลงมืออธิษฐาน ก็พลันมีละอองฝนโปรยลงมาเพียงน้ำพระพุทธมนต์และพระอาทิตย์ก็ทรงกลดทันที พอสร้างเสร็จ โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเต็มๆ พระอาทิตย์ก็เลิกทรงกลดในทันใดเหมือนกัน

ปัจจุบัน อนุสรณ์สถานรอยเท้าครูบาชัยวงศาพัฒนา ได้ถูกคนทุบทำลายไปจนสิ้นถึง 2 ครั้ง คงเหลือแต่รอยเท้าของครูบาชัยวงศาพัฒนาบนหินที่ยังคงอยู่

อนึ่ง ตามคำบอกเล่าของครูบาเจ้าเทือง นาถสีโล แห่งวัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน เชียงใหม่ บริเวณใกล้ๆ นั้น ยังมีการค้นพบรอยเท้าของครูบาเจ้าศรีวิไชย และรอยเท้าครูบาเจ้าอภิชัยขาวปี อีกด้วย

นับว่าได้ “ผาเงิบ” แห่งนี้ นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ยังเป็นสถานที่อันแฝงไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ทั้งยังเกี่ยวข้องกับเรื่องราวพุทธศาสนากันอีกด้วย