จากเดิมตอนแรกที่เกริ่นไปว่าจะเอาภาพมาเล่า แต่เล่าไปเล่ามาชักเลยเถิดไหลเป็นน้ำ กดสต็อปก็ไม่อยู่ เพราะมันส์เหลือเกินกับการบรรยาย สุดท้ายแล้วได้มาต่อเป็นตอนจบของเรื่องดังกล่าวครับ
คราวที่แล้วเหลา เอ้ย เล่าไป 7 ภาพ คราวนี้ก็เช่นเดิม ขอเล่าอีก 7 ภาพที่เหลือให้มันหมด ถามว่าทำไมต้อง 7 อันนี้ตอบตรงๆ เลยว่าไม่รู้ครับ ฮ่าๆๆ เพราะตอนคัดมามันชอบเท่านี้จริงๆ แต่ถ้าจะให้ผมโยงไปเรื่องความเชื่อนะ นี้เลย คนจีนมีความเชื่อว่า เลข 7 เป็นเลขที่ดี แล้วมันดียังไง อันนี้ไปค้นหากันเอาเองเด้อ
พูดมาก เสียเวลาทำกิน มาดูต่ออีก 7 ภาพที่เหลือกันเถอะ
ภาพแรก อันนี้บอกตรงๆ ว่าหมั่นไส้ครับ ประเทศไทยเอะอะอะไรก็กีฬาต้านยาเสพติด ดนตรีต้านยาเสพติด แต่หารู้ไม่ ไอ้พวกนักกีฬา นักดนตรี เนี่ยแหละตัวดีกันทั้งนั้น ฮ่าๆๆ อย่างภาพนี้ก็แข่งเรือปลอดเหล้า แข่งจบได้เงินรางวัล ผมกล้าพนันเลย มันเลี้ยงฉลองด้วยน้ำเต้าหู้ เอ้ย สุราเมรัยแบบจัดเต็มแน่ ว่าแต่ทีหลังช่วยหาแคมเปญที่มันดีกว่านี้หน่อยนะ เบื่อแล้ว ปลอดเหล้า ปลอดยาเสพติด
ภาพที่ 2 ภาพนี้มาแนวอารมณ์สับสนกับตัวเองบนสะพานนวรัฐคืนวันลอยกระทง แถมยังเวิ้งว้าง โดดเดี่ยวยังไงชอบกล คือถ้าร้องเป็นเพลงก็คงประมาณ “ท่ามกลางผู้คนมากล้นในคืนฉิบหายวายป่วง มีใจหนึ่งดวงเดินหาเบียร์แดกอย่างนั้น”
ภาพที่ 3 ขอบอกว่าการดักรอชาวบ้านเพื่อถ่ายรูปตอนปล่อยโคมถือเป็นอะไรที่น่ารักน่าลุ้น และภาพนี้ผมก็ทันที่พวกเขายังไม่ปล่อย แถมคนปล่อยยังเป็นคู่หนุ่มสาวที่ความรักสัมผัสได้ถึงความหวานฉ่ำ ส่วนฉากหลังปล่อยโคมก็มีท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยโคมไฟนับร้อยดวง พ่วงออปชั่นเสริมเป็นพลุไฟทะยานขึ้นฟ้าไปหนึ่งดอก
ภาพที่ 4 ภาพนี้จังหวะล้วนๆ ครับ หลังจากลอยกระทงเสร็จกำลังจะกลับ เป็นการล่องประทีปเรือไฟในลำน้ำปิง กำลังแล่นผ่านลอดใต้สะพานนวรัฐ ความสวยงามของเรือไฟตัดกับเงาสะท้อนของน้ำจากท้องฟ้าในคืนเดือนเพ็ญ ขอบอกว่าแจ่มสุดๆ ฮะ
ภาพที่ 5 เหมือนอารมณ์เรากำลังล่องลอยอยู่ในสวรรค์ แล้วโดนกระชากตกลงนรกโดยฉับพลันยังไงยังงั้น ในขณะที่อีกหลายชีวิตสนุกกับงานรื่นเริงในคืนเดือนเพ็ญ มีอีก 2 ชีวิตเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบแสดงถึงความยากลำบากกับการเอาชีวิตรอดในแต่ล่ะวัน แม่ผู้บังเกิดเกล้านั่งพนมมือ มีลูกชายนอนหนุนตักดูดขวดนม บนพื้นมีขันพลาสติกกรอเศษเหรียญจากผู้ใจบุญหย่อนให้ นึกถึงภาพนี้ทีไหร่ ผมสะเทือนใจโคตรๆ
ภาพที่ 6 เธอคนนี้เป็นนางรำสาวประเภทสองในสไตล์หมอลำอีสาน ผมเจอเธอครั้งแรกที่ตลาดโต้รุ่งขอนแก่น เพราะคาแรกเตอร์การแสดงเปิดหมวกที่โดดเด่นเตะตา เทศกาลยี่เป็งครั้งนี้ เธอน่าจะจากอีสานมาเชียงใหม่เพื่อการแสดงโดยเฉพาะ (น่าจะไปทั่วประเทศนะ) และด้วยความสวยของบรรยากาศในคืนยี่เป็ง เธอเลยอดใจไม่ไหวที่จับหยิบกล้องดิจิตอลตัวเองมาเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก โดยในระหว่างนั้นเธอคงไม่รู้ว่าผมถ่ายเธออยู่เป็นแน่
ภาพที่ 7 ภาพสุดท้าย นึกไม่ออกว่าจำมาจากไหน แต่เป็นความรู้สึกตอนเดินคนเดียวแถวสะพานนวรัฐในขณะฝ่าฝูงชนนับพันคนแบบสวนทาง มันเหมือนว่าเรากำลังเดินอยู่ในใจกลางมหานครที่ไหนซักแห่งบนโลก ภาพยังคงวนเวียนอยู่ในหัวพอๆ กับเสียงเพลงขับกล่อมผ่านทางหูฟังที่ไม่ได้จับใจความสำคัญเท่าไหร่ หรือว่าผมจำมาจากปกอัลบั้มเพลง หรือว่าฉากในหนังซักเรื่อง ณ ตอนนี้ก็ยังสับสนอยู่ว่าตัวเองใช้ชีวิตอยู่ในจินตนาการมากไปรึเปล่า?
บางทีถ้าหยิบเอาดินสอกับกระดาษมาวาด ภาพคงจะเห็นชัดขึ้น