“ม้ง” คืออะไร?

C360_2013-10-05-16-14-26-888

ไม่ได้มีญาติฝ่ายไหนเกี่ยวข้องกับชาวม้ง แต่อยากเขียนถึง…

เหตุเพราะไปเที่ยวบ้านม้งดอยปุย ได้ 2-3 ครั้ง มีโอกาสได้เห็นวิถีชีวิตของคนที่นั้น (แบบฉาบฉวย) สำหรับผมแม้ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดมาก (เพราะผมเองก็เด็กบ้านนอกคนนึง) แต่การได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนต่างถิ่น ต่างวัฒนธรรม ถือเป็นเรื่องที่ดีกว่าการนอนเขย่าหำเล่นที่ห้อง

ส่วนคนในเมือง อันนี้อาจจะกรี๊ดกร๊าด ตื่นเต้นมากขึ้นหน่อย ด้วยความที่ชีวิตนี้เจอแต่ตึกรามบ้านช่องสูงเสียดฟ้า และรถราคับคั่งพอๆ กับมลพิษทางอากาศ

“ดูนั้นซิ มีชุดม้งให้เช่าใส่ถ่ายรูปเล่นด้วย”

C360_2013-10-05-16-38-20-135

เสียงแววมาจากทางด้านหลังผม บ่งบอกว่าพวกเขาแลดูตื่นเต้นขนาดไหน กับการได้สวมใส่ชุดม้ง เพื่อถ่ายรูปแล้วอัพลงโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค

ชนชาติม้ง ยังไม่มีผู้ใดสามารถสรุปได้ว่ามาจากที่ไหน แต่สันนิษฐานกันว่าม้งคงจะอพยพมาจากที่ราบสูงธิเบต ไซบีเรีย และมองโกเลีย เข้าสู่ประเทศจีน ก่อนตั้งหลักแหล่งอยู่แถบลุ่มแม่น้ำเหลือง (แม่น้ำฮวงโห) เมื่อราว 3,000 ปีมาแล้ว และอาศัยอยู่ในประเทศจีนมาหลายศตวรรษ

C360_2013-10-05-15-58-45-221

“ม้ง” ถูกราชวงค์แมนจู มีนโยบายสั่งปราบปรามจนพ่ายแพ้ต่อศึกสงคราม และทำการเริ่มอพยพถอยร่นสู่ทางใต้ และกระจายเป็นกลุ่มย่อย ๆ กลับขึ้นอยู่บนที่สูงป่าเขาในแคว้นสิบสองจุไทย สิบสองปันนา และอีกกลุ่มได้อพยพไปตามทิศตะวันออกเฉียงเหนือของราชอาณาจักรลาว ส่วนประเทศไทย ม้งอพยพมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2400 เศษ เป็นต้นมา

ปัจจุบันชาวม้งส่วนใหญ่ในประเทศไทย ตั้งถิ่นฐานอยู่ตามภูเขาสูง หรือที่ราบเชิงเขาในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ ลำปาง กำแพงเพชร เลย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และตาก ส่วนใครถ้ามาเที่ยวเชียงใหม่ ก็เชิญจัดไปที่บ้านม้งดอยปุยเลย เพราะมันใกล้ที่สุด แถมระหว่างเส้นทาง ยังมีที่เที่ยวให้แวะหลายแห่ง

และเมื่อหากทำการจำแนกเป็นปฏิทินพร้อมทั้งโปรแกรมการท่องเที่ยว สำหรับบ้านม้งดอยปุย รูปร่างหน้าตาก็คงพอจะจัดออกมาได้เป็นลักษณะดังนี้

C360_2013-10-05-16-08-42-702

C360_2013-10-05-15-54-24-507

มกราคม – มีนาคม เที่ยวชมสวนดอกไม้เมืองหนาวและปีใหม่ของชุมชน, เมษายน – มิถุนายน ชมไม้หัตถกรรมพื้นบ้านตามฤดูกาล, กรกฎาคม – กันยายน หัตถกรรมการเขียนเทียนบนผืนผ้า ย้อมสีผ้า และตุลาคม – ธันวาคม ชมกิจกรรมและพิธีกรรมตามความเชื่อของชุมชน เช่น การตั้งชื่อ การแก้บน การสะเดาะเคราะห์

ส่วนบริการด้านการท่องเที่ยวของชุมชนอื่นๆ ก็จะมีที่พักแบบลานกางเต็นท์ บ้านพัก และอาหารท้องถิ่น (ชาวม้ง)

C360_2013-10-05-15-57-26-042

สำหรับผมเท่าที่ไปมา 2-3 ครั้ง การซึมซับวัฒนธรรมของคนที่นั้นยังมีไม่มากพอ เท่าที่จำได้ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับลุงแก่ๆ คนนึงที่ทำหน้าไม้ไว้ขาย และให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองยิงเล่น 3 ดอก ในราคา 20 บาท

คุณสมบัติของหน้าไม้ วัสดุที่ใช้ทำ คือสิ่งที่ลุงคนนั้นอธิบายให้ผมฟัง

C360_2013-10-05-16-00-41-939

นอกจากนี้ การเข้าไปทำความรู้จักกับเด็กม้ง โดยถอดความเป็นผู้ใหญ่ออกไปจากตัวเรา ก็ถือเป็นเรื่องสนุกไม่น้อย

พูดคุยไปเถอะครับ ถามพวกเขาว่ามีชีวิตเป็นอย่างไรอยู่บนนี้ ไปโรงเรียนยังไง มีเพื่อนกี่คน คุณครูกี่คน โรงเรียนอยู่ตรงไหน ทำไมชอบมากระโดดเล่นน้ำตรงนี้ ลูกข่างไม้ใครทำให้ ภาษาม้งคำนี้พูดว่าอะไร นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะรึเปล่า ในเมืองกับบนดอยต่างกันขนาดนั้น ฯลฯ

C360_2013-10-05-16-01-13-125

C360_2013-10-05-16-10-55-462

C360_2013-10-05-16-12-37-329

ที่เหลือเมื่อเด็กเห็นเราถอดความเป็นผู้ใหญ่ทิ้งไป พวกเขาก็จะค่อยๆ กล้าทำความรู้จัก คุยกับเรามากขึ้น

“พี่ภาษาอังกฤษคำนี้ พูดว่าอะไร” เด็กม้งคนนึงถามผมกลับ หลังจากที่ผมถามชื่อเล่นตัวเองจากเขาในเวอร์ชั่นม้ง

ผมใช้เวลา 5 วินาที ตอบกลับคำถามพวกเค้า ก่อนจะส่งต่อด้วยอีกหนึ่งประโยค

“See you again next time

ไว้เจอกันใหม่คราวหน้านะไอ้หนู ประโยคนี้เอาไว้พูดเวลาฝรั่งจะกลับจากการมาเที่ยวบ้านม้ง

และนั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมฝากถึงพวกเขา…