
ก่อนจะเข้าไปเรื่องวัด ขออนุญาตนอกเรื่องซักเล็กน้อย…
จริงๆ มันก็ไม่นอกเรื่องมากเท่าไหร่ เพราะยังถือว่าอ้อมแอ้มอยู่ในวัด เพียงแต่มันแตกแขนง ออกมาเป็นเรื่องคำสอนก็เท่านั้น
มันเป็นเรื่องขำ (สำหรับผมนะ แต่คนอื่นอาจจะไม่ฮา) จากแฟนเพจเฟซบุ๊ค “แม่ชีทศพรกับคำสอน” สเตตัส มันมีอยู่ว่า
“เดี๋ยวนี้โทรศัพท์ไกลแค่ไหน สามารถโทรไปเพื่อให้เห็นหน้ากัน อันนี้อย่าทำนะค่ะ
ถ้าจะโทรเพื่อเห็นหน้ากันอีกซีกโลกหนึ่ง อย่าทำนะค่ะ เพราะเราจะใช้แต้มบุญของเราในอนาคตหมดอย่างรวดเร็ว
สมัยก่อนต้องนั่งกรรมฐานขนาดไหนกว่าจะถอดจิตคุยกันได้ แต่เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีต่างๆ
ถ้าเราทำอย่างนั้นจะเป็นอะไรหรือไม่
เป็นค่ะ โอกาสดีของเราถูกหั่นไปแล้ว เพราะเราไปสไกด์เห็นหน้ากันไปแล้ว ทำไปแล้วไม่เป็นไร อย่าทำอีก
รายการ แสงส่องธรรม 15-9-2013”
อ่านเสร็จ ผมแทบขำกระจาย มันเรื่องอะไรกันว่ะ กะอีแค่จะคุยกันผ่านวิดีโอคอล ผ่านซอฟแวร์ หรือแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ในมือถือ มันกลายเป็นเรื่องของการใช้แต้มบุญของเราในอนาคตกันแล้วเหรอ ฮ่าๆๆ
ยิ่งพอไปอ่านคอมเม้นก็ยิ่งพาฮา บางคนบอกว่าอย่าลืมซื้อบัตรเติมบุญกันด้วยนะครับที่ 7-11 บางคนมีแซวบอก มิน่าล่ะมันมีตู้บุญเติม ส่วนของผมก็อยากจะบอกว่า ไม่เป็นไรครับ ผมมีแต้มบุญเยอะ ทั้ง Skype Tango Camfrog Line Wechat จะหยิบใช้ตัวไหน มันก็สะดวกมือไปหมด ฮ่าๆๆ
เอาล่ะ เอาเป็นว่า ขำกันพอประมาณกับสภาพสังคมประเทศชาติไทยทุกวันนี้ หันมาดูเรื่องวัดฟ่อนสร้อยกันบ้าง วัดแห่งนี้ ใครอยากมาเที่ยว หากันไม่อยากครับ ขับรถมาจากประตูเชียงใหม่ ตรงถนนพระปกเกล้า ไม่ไกลมาก วัดจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ หากันได้ไม่ยากครับ
จากข้อมูลที่ค้นมา สันนิษฐานว่าวัดฟ่อนสร้อย สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2031 ซึ่งนายวิจิตร ยอดสุวรรณ ผู้ปริวรรตนิราศหิริภุญไชยกล่าวว่า วัดฟ่อนสร้อยที่ตั้งอยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่วัดฟ่อนสร้อยเดิม เพราะวัดเดิมนั้นร้างไปแล้ว และอยู่ห่างไปทางทิศใต้เล็กน้อย
วัดร้างแห่งนี้ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นและร้างไปเมื่อใด แต่ในโคลงนิราศหริภุญไชย แต่งขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2060 กล่าวว่าเป็นวัดที่สวยงามประดิษฐานพระพุทธรูป ชื่อวัดนี้ยังปรากฏอยู่ในประชุมตำนานล้านนาไทยว่าในช่วง พ.ศ. 2105-2144 เป็นวัดที่มีพระเถระผู้ใหญ่อยู่จำพรรษา เจดีย์ที่เหลืออยู่นี้เป็นเจดีย์ทรงปราสาทศิลปะล้านนา ปัจจุบันเหลือแต่ซากเจดีย์เท่านั้น และสันนิษฐานว่า คำว่า “ฟ่อนสร้อย” อาจเป็นชื่อนายทหารในสมัยก่อนเดิม อาจเรียก “หมื่นสร้อยหรือพันสร้อย” แล้วเปลี่ยนเป็นฟ่อนสร้อย
ภายในวัดฟ่อนสร้อยปัจจุบัน มีสถาปัตยกรรมประกอบด้วย วิหาร ทรงพื้นเมืองไม่ทราบปีที่สร้าง เจดีย์เป็นทรงปราสาทมีปูนปั้นรูปสิงห์ประดับที่ฐาน และมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปที่ฐานเจดีย์ทั้ง 4 ด้าน หอไตรทรงพื้นเมืองทำเป็นสองชั้น ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน
อนึ่ง ในวันที่ผมไป ทางวัดกำลังทำการบูรณะบางส่วนของพระวิหาร ซึ่ง ณ ขณะนั้น ก็น่าจะเสร็จไปแล้วซัก 80 เปอร์เซ็นต์ และพอสังเกตโดยรวมแล้ว ก็ต้องถือว่างดงามกันมากเลยทีเดียว คาดว่าไม่นานนับจากนี้ไป ใครไปเยี่ยมชม คงได้ยลโฉมพระวิหารในรูปแบบใหม่อันสวยงามอย่างแน่นอน