ผมอาจจะเป็นมนุษย์ที่มีความขัดแย้งในตัวเองพอสมควรในการใช้ชีวิต
ที่ต้องเอ่ยแบบนั้น เพราะหลังๆ มารู้สึกตัวเองมีชีวิตแบบนั้น อย่างกลางวันมาเที่ยววัด หาถ่ายรูป ตกกลางคืนย่ำราตรี มีปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง นี่ถ้าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง เขาคงพากันหัวเราะ พร้อมๆ กับแปลกใจในวิถีชีวิต
กลางวันไปวัด เปรียบดังโลกสีขาว กลางคืนไปปาร์ตี้ เปรียบดังโลกสีดำ จะว่าไปแล้วชีวิตผมนิมันสีเทากันจริงๆ
อาจจะรวมถึงชีวิตคนอื่นๆ ด้วย ที่มีดีและเลวปนกันไป
อนึ่ง ตรรกะการมองคนเพียงผิวเผินด้วยปัจจัยภายนอกเพียงนิดเดียว ถือเป็นเรื่องไม่น่าสมควร อย่างผมมาวัด ยันร้อยที่ก็ใช่ว่าผมจะเป็นคนดี เช่นกันถ้าผมไปปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง ก็จะใช่ว่าผมเป็นคนเลว
เขาบอกว่าดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ ไม่ใช่สิ่งแวดล้อมนำพาไป ที่สำคัญไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปสนใจคนอื่นว่าจะมองเราดีเลวขนาดไหน ขอเพียงแค่ว่าเรารู้ว่าเราเป็นใคร ยังไง เท่านั้นเป็นพอ
มาที่วงจรชีวิตอันปัจจุบันของผม…
ขับรถบึ่งจากตัวเมืองหลังจากเที่ยวเก็บภาพวัดใน อ.แม่ริมมาหลายที่ (จำไม่ได้ว่ากี่วัด แต่รู้แค่ว่าเยอะพอควร) สุดท้ายก่อนกลับเข้าตัวเมือง ผมเลือกมาปิดจ็อบที่ วัดรัตนาราม หรืออีกชื่อคือ วัดต้นแก้ว
วัดรัตนาราม (วัดต้นแก้ว) ตามคำกล่าวของพระอธิการคะนอง ภทฺทวโร เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ท่านบอกว่า เป็นวัดโบราณ มีความเป็นมาย้อนไปถึงปี พ.ศ. 2331 มีอายุกว่า 200 ปี เดิมมีชื่อว่า “วัดบ้านต้นตื๋น” เพราะที่หมู่บ้านอันเป็นที่ตั้งของวัดมี”ต้นตื๋น” ขึ้นให้เห็นอยู่ทั่วไปรวมทั้งในบริเวณวัดด้วย
ครั้นกาลต่อมาได้มีคนนำ”ต้นแก้ว”มาปลูกในวัดและต้นแก้วนี้ก็เจริญเติบโตมีขนาดใหญ่มากและก็ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ผู้คนก็เลยเปลี่ยนชื่อจาก ”วัดต้นตื๋น” มาเป็น “วัดต้นแก้ว” ในภายหลังวัดต้นแก้วนี้ได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นภาษาบาลีว่า “วัดรัตนาราม” ซึ่งเป็นคำสมาสและสนธิของคำสองคำ คือ รัตนะ และ อาราม ซึ่งรัตนะ แปลว่า แก้ว อาราม แปลว่า วัด แต่ก็ยังใส่ชื่อเดิมไว้ในวงเล็บหลังชื่อทางการที่เป็นภาษาบาลี
ปัจจุบันยังมีต้นแก้วใหญ่ปรากฏอยู่ที่ข้างต้นโพธิ์หน้ากำแพงวัดให้เห็นเป็นประจักษ์พยานถึงความเป็นมาของชื่อวัด และประชาชนทั่วไปก็ยังนิยมเรียกชื่อวัดเป็นภาษาปากอย่างเดิมว่า “วัดต้นแก้ว” วัดรัตนาราม(ต้นแก้ว) สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย
และทั้งหมดนั้น คือเรื่องราวของวัดรัตนาราม ที่เอามาฝากกันให้ได้อ่านเล่นแบบเพลินๆ