วัดล่ามช้าง

C360_2013-10-20-17-02-59-067

ก่อนเข้าเรื่องวัดล่ามช้าง ขออนุญาตนอกเรื่องความซวย ก่อนมาเที่ยววัดนะครับ

เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากตะบันข้าวเช้าตอนบ่ายสี่โมงเสร็จ ระหว่างทางไปวัดเกิดปวดขี้กะทันหันอย่างฉับพลัน (คือตอนอยู่ห้องจะไม่ปวด แต่พอออกมาข้างนอกปวด หลายคนคงเป็น) ว่าแล้วเลยแวะร้านหนังสือสุริยวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์

เหตุที่แวะ เพราะร้านหนังสือร้านนี้ห้องขี้อยู่ในระดับดีเทพประทับองค์ ใครอยู่เชียงใหม่เคยไปใช้บริการ น่าจะพอทราบ (ดีกว่าตามบางห้างตั้งหลายขุม)

พอทำภารกิจระดับชาติเสร็จ กะจะไปวัดล่ามช้าง ตามที่หมาย บังเอิญเกิดความซวยขึ้น เมื่อมอเตอร์ไซค์กุญแจเปิดล็อคคอไม่ออก!

ผมเสียบเข้าเสียบออกเป็น 10 กว่าทีก็ไม่ได้ผล ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีเหตุการณ์บัดซบเกิดขึ้นตั้งแต่ขับมา สุดท้ายเลยบอกพี่ยามมาช่วยกูไขหน่อย พลางสาธิตวิธีเปิดเบาะให้ดูเพื่อเป็นการยืนยันว่านี่มันรถผมนะเว้ย ไม่ใช่รถชาวบ้านที่ตูจะมาขโมย แต่เผอิญมันเปิดล็อคคอไม่ออกเฉยๆ ก็เท่านั้น

พี่ยาม ก็คือพี่ยามที่มีหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยล่ะครับ จะให้มาช่วยซ่อมกุญแจ มันก็ไม่ใช่งานถนัดเขา ผมเลยตัดสินใจสับตีนเดินไปห้างพันธุ์ทิพย์เผื่อแถวนั้นมีร้านกุญแจ (ใช้ความเชื่อที่คิดว่าร้านกุญแจส่วนใหญ่ในห้างมักจะมี)

ไปถึง เดินหา 1 รอบไม่มี เลยหยิบมือถือมาใช้ให้มันคุ้มค่ากับความเป็นสมาร์ทโฟนกันหน่อย เปิดไวไฟฟรีของรัฐบาลเล่น กะจะเสิร์ชหาเบอร์ร้านกุญแจในเน็ต แต่เวรกรรม แบตมือถือดันมาหมดในช่วงนั้น

แหม คนห่าอะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อน

ร้านกุญแจหาไม่เจอ แบตก็หมด ณ ตอนนั้น คิดว่าคงต้องกลับไปเสี่ยงดวงอีกรอบ คือถ้าไม่ไหวก็นั่งรถมาร้านกุญแจที่รู้จักเอา (ไกลเลยล่ะ)

แต่ในความซวยซ้ำซ้อน ก็ยังมีความโชคดีหมกตัวอยู่ในซอกหลืบ แม่เจ้า แค่ดอกแรกที่เสียบลงไป มันไขได้ทันที

โถ ห่าลาก! ทำไมมึงไม่เปิดได้ตั้งแต่แรกว่ะ นี่มาหลอกให้ตูเดินหาร้านกุญแจซะจนเมื่อยเลย ซึ่งหลังจากนี้ไป ผมคงต้องระวังตัวมากขึ้น ในการล็อคคอรถ เพราะกลัวมันจะเปิดไม่ได้อีก

พอเหตุการณ์ปกติ ก็เลยกลับไปชาร์จแบตที่ห้อง เพื่อออกมาวัดล่ามช้างกันอีกรอบ โดยตอนกลับมาห้อง แน่นอนว่าผมไม่ยอมล็อคคอ รถแน่ๆ ฮ่าๆๆ (มันยังหลอนๆ กันอยู่)

C360_2013-10-20-17-01-57-758

พอมาถึงวัดล่ามช้าง บนถนนมูลเมือง ซอย 7 ตำบลศรีภูมิ เขตในเวียง ก็ค่อยๆ จอดรถ (ไม่ล็อคคอเหมือนเดิม) แล้วเดินสำรวจชมวัด

C360_2013-10-20-16-59-15-081

วัดล่ามช้าง จากประวัติบอกไว้ว่า เมื่อ พ.ศ.1835 – 1839 พญามังรายมหาราชกษัตริย์แคว้นล้านนา ได้มาสร้างเมืองเชียงใหม่ ทรงประทับอยู่ ณ เวียงเล็กหรือเวียงเชียงมั่น (วัดเชียงมั่นในปัจจุบัน) เพื่อเตรียมอุปกรณ์การสร้างเมือง

จากนั้น พญามังรายได้ทรงเชิญพญาร่วง หรือ ขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์แคว้นสุโขทัย และ พญางำเมือง กษัตริย์แคว้นพะเยา หรือ ภูกามยาม มาร่วมปรึกษาสร้างเมืองด้วย ซึ่งพอสร้างเสร็จแล้ว ก็ได้ขนานนามเมืองว่า “นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่” อย่างที่เราๆ ท่านๆ รู้กัน

C360_2013-10-20-17-00-16-527

ณ ตอนนั้น ด้านทิศตะวันออกของเวียงเล็ก เป็นป่าไม้มีหนองน้ำใหญ่ ช้างราชพาหนะของกษัตริย์ทั้งสามพระองค์และของข้าราชบริพาร ได้ทำการเลี้ยงและล่ามช้างไว้บริเวณนี้ จนเรียกว่า “เวียงเชียงช้าง” ก่อนต่อมาได้สร้างวัดขึ้นที่เวียงเชียงช้าง ณ ที่เลี้ยงและล่ามช้างดังกล่าวเพื่อให้เป็นอนุสรณ์สถาน ก่อนจะทำการขนานนามให้ว่า “วัดล่ามช้าง” โดยมีการปั้นรูปช้างถูกล่ามเลี้ยงไว้เป็นสัญลักษณ์ของวัด

C360_2013-10-20-16-58-33-520

ส่วนศาสนสถานที่สำคัญก็จะมี พระวิหารตรงด้านหน้าปากทางเข้าซ้ายมือ ถัดไปหลังพระวิหารเป็นองค์เจดีย์ โดยมีพระอุโบสถ และองค์เจดีย์เก่าวางตัวอยู่หลังวัดครับ

C360_2013-10-20-17-02-59-067

C360_2013-10-20-16-57-29-847

C360_2013-10-20-16-55-50-126

ขากลับออกมาหลังจากเดินเล่นเสร็จแล้ว มอเตอร์ไซค์ที่ไม่ได้ล็อคคอผมยังอยู่ดีปลอดภัยครับ ซึ่งคาดว่าผมจอดทิ้งไว้แบบนั้น คงไม่มีใครหน้าไหนมันกล้ามาขโมยรถในวัดหรอกนะ คือถ้ามันกล้า ก็เกินไปแล้วแหละ

แต่ถ้าขโมยไปแล้วเผอิญว่ามันเปิดล็อคคอไม่ได้ บางทีโจรมันอาจจะคิดผิดไปเลยก็ได้ว่า กูไม่น่าขโมยรถไอ้หมอนี้เลยว่ะ

แหม ก็ขนาดผมมีกุญแจดอกแท้ๆ อยู่ในมือ กูก็ยังเปิดลำบากเลย ฮ่าๆๆ