วัดศรีโขง

C360_2013-10-24-17-07-56-896

คาดว่ายังทันนะครับ ถ้าจะขอเล่าถึงเรื่องวัดศรีโขง

1 เดือนก่อนหน้านี้ มีน้องผู้หญิงรู้จักคนนึงถามผมว่า พี่ๆ ช่วยแนะนำวัดหน่อย หนูจะไปทำบุญ ขอเอาวัดที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักล่ะกัน คนจะได้น้อยๆ แนวๆ แบบว่าวัดกำลังพัฒนา หรือว่าวัดไม่ค่อยเจริญเท่าไหร่

ผมนิ่งเงียบไปซัก 2 นาที ก่อนจะค่อยๆ เปิดเผยรายชื่อวัดแตกล่ะแห่งออกมา ก่อนรายชื่อทั้งหมดกว่า 5-6 วัดจะถูกปฏิเสธ

“หนูไปมาแล้วพี่วัดนี้”

“ไม่เอาพี่ วัดนี้คนเยอะ”

“วัดนี้ไกลไปพี่” ฯลฯ

สุดท้ายผมนึกออกถึงวัดศรีโขง ใกล้ๆ กับท่าเรือแมงป่อง วัดนี้เลยอีน้อง มีหลวงปู่จำพรรษาอยู่รูปเดียว วัดรกร้างไม่มีใครดูแลด้วย หลวงปู่ก็ไม่ค่อยสบาย ไปถวายสังฆทาน กับทำความสะอาดเล็กๆ น้อยๆ ในวัดน่าจะเวิร์ก

“โอเคพี่ วัดนี้เลยล่ะกัน” หล่อนตอบกลับมา

ให้หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ เห็นเธอโพสรูปลงเฟซบุ๊คกับเพื่อนสาวก่อนจะบอกว่ามาทำบุญที่วัดเชียงมั่น พอผมถามกลับว่า ไม่ไปวัดศรีโขงแล้วเหรอ เธอตอบผมว่า ไม่ไปแล้ว คนไปเยอะ

โถ! แล้วจะถามเพื่อ…?

นั้นแหละครับ ผู้หญิงคือสิ่งที่มีชีวิตที่ไม่ต้องการความเข้าใจ และไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น!

ในเมื่อเธอไม่ไป ว่าแล้วผมก็เลยแวะไปสำรวจดูว่าวัดนี้มีอะไรบ้าง หลังจากถูกกระแสเฟซบุ๊คปล่อยข่าวครึกโครมอย่างหนักเกี่ยวกับพระชราที่จำพรรษาอยู่รูปเดียวในวัด กับสภาพที่ต้องบอกว่า “รกร้าง” และ “ทรุดโทรม”

C360_2013-10-24-17-16-19-694

C360_2013-10-24-17-15-49-335

พอไปถึงวัด สายตาผมก็รีบทำการสำรวจทันที ปรากฏว่าด้านในดูดีขึ้นเยอะเป็นกองครับ ร่องรอยการทำความสะอาด ภายในบริเวณวัดมีให้เห็นกันทั่วบริเวณ ป้ายกองกฐิน และเชิญชวนมาทำบุญ บูรณปฏิสังขรณ์ อะไรต่างๆ ก็ติดกันแทบจะทั่วบริเวณ ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการเชิญชวนให้ชาวพุทธมาทำบุญ และร่วมด้วยช่วยกันทำให้วัดมันดูดีขึ้น ส่วนพระครูสุพัฒน์ รัตนโชติ เจ้าอาวาสวัดศรีโขง ซึ่งแก่ชรา และต้องจำพรรษาอยู่ในวัดคนเดียวนั้น ผมไม่ได้มีโอกาสเข้าพบกับพระท่านครับ

C360_2013-10-24-17-14-43-248

สำหรับสาเหตุที่ พระครูสุพัฒน์ รัตนโชติ เจ้าอาวาสวัดศรีโขง ต้องจำพรรษาอยู่ที่นี้คนเดียวนั้น เพราะพระบางรูปได้ย้ายไปจำพรรษายังวัดอื่น หรือมรณภาพไปแล้ว โดยพระครูจำพรรษาอยู่รูปเดียว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 เป็นต้นมา จากนั้นก็มีอาการข้อเท้าบวม และตาเป็นต้อกระจกด้วย จนไม่สามารถออกเดินไปบิณฑบาตได้

C360_2013-10-24-17-15-30-596

ส่วนประวัติความเป็นมาของวัดศรีโขง บอกกล่าวไว้ว่าสร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2410 เป็นวัดเก่าแก่ มีอายุรวมกว่า 146 ปี โดยบริเวณตรงข้ามกับประตูวัดทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นหลังวัด มีท่าน้ำใหญ่ติดกับน้ำปิง คนจึงเรียกกันว่า “ท่าศรีโขง”

C360_2013-10-24-17-09-15-481

บริเวณด้านเหนือของวัดติดกับคุ้มเจ้าราชบุตร (วงศ์ตะวัน) ส่วนทิศใต้เดิมติดกับที่ชาวบ้าน และเป็นที่ขึ้นขอนไม้สักที่ไหลมาตามแม่น้ำปิงจุดหนึ่ง โดยชาวบ้านได้เล่าขานกันว่า แต่เดิมบริเวณที่เป็นพระเจดีย์ของวัดศรีโขงนี้ เคยมีต้นไม้สรีหลวง(สะหลี) หรือ ต้นโพธิ์ใหญ่ ซึ่งมี “โขง” หรือ “โพลง” ที่โคนต้น โขงที่ว่านี้มีขนาดกว้างใหญ่ขนาดที่คน 20 คน สามารถเข้าไปหลบฝนได้

C360_2013-10-24-17-09-31-577

C360_2013-10-24-17-10-35-050

ภายหลังจากวัดถูกสร้างขึ้นมาเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน และพุทธศาสนิกชนในละแวกใกล้เคียงชาวจังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นเวลานาน จวบจนปัจจุบัน ชื่อเสียงของวัดเริ่มเลือนหาย เนื่องด้วยในตัวเมืองเชียงใหม่มีวัดจำนวนมาก และชาวบ้านไม่ค่อยเข้ามาทำบุญกัน จนสุดท้ายเหลือพระจำวัดอยู่เพียงรูปเดียว และสภาพวัดที่เริ่มทรุดโทรม ขาดการดูแลพัฒนาอย่างที่เห็น

C360_2013-10-24-17-10-09-069

นอกจากจะสำรวจถึงสภาพความทรุดโทรมภายในวัดแล้ว ในเรื่องของสถาปัตยกรรม วัดแห่งนี้ถือว่ามีความสวยงามในระดับนึงเลยล่ะ ซึ่งการจะพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องเข้ามาช่วยกันดูแลให้มันมีสภาพสวยงาม และน่าอยู่ก่อนเป็นสิ่งแรกครับ