หนึ่งในเรื่องน่าอเนจอนาจใจ เวลาไปเที่ยวเวียงกุมกาม พอๆ กับการเห็นเยาวชนไทยทำตัวทุเรศ ทำนองมีหัวไว้กั้นหู คือความเงียบเป็นป่าช้าของวัดในเวียงกุมกาม ที่แทบจะหานักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมไม่มีกันเลยซักคน
ไม่ต้องไปนับทัวร์ที่มาลงวัดช้างค้ำอันเป็นจุดสตาร์ทการชมเวียงกุมกาม นับเอาแบบเฉพาะมาเอง ไปเอง จำนวนศูนย์ คือสิ่งที่ผมพบตอนไปเที่ยวคนเดียว เพียวๆ ไม่เกี่ยวกับใคร
จะบอกว่าสถานที่มันไม่ดึงดูดใจพอ หรือจะบอกว่า ก็คนดูแลจัดการเวียงกุมกามไม่มีปัญญา จะกระตุ้นให้อดีตเมืองโบราณจำลองก่อนสร้างนครเชียงใหม่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คึกคักได้ อันนี้มันก็มองได้ทั้งสองแบบ แต่เดี๋ยวก่อนมันเงียบเกินไปมั้ยครับพี่
เงียบจนบางทีผมรู้สึกวังเวง เสียจนนึกว่าตัวเองอยู่ในเมืองนี้คนเดียว หรืออาจจะหลุดเข้ามาในอีกมิติหนึ่งของสมัยก่อนเสียด้วยซ้ำ
เท่าที่พอจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ก็ตรงวัดหัวหนองเนี่ยแหละ ที่เจอชาวบ้านสองพ่อลูก มานั่งเล่นตรงศาลา คุยกันประสาคุณพ่อกำลังดูแลไอ้หนูอายุ 4-5 ขวบ
วัดหัวหนอง ตั้งอยู่ภายในเวียงกุมกามใกล้กับกำแพงเมืองทางด้านเหนือ ซึ่งหากเรามองจากสภาพภายนอก วัดแห่งนี้ดูจะมีพื้นที่กว้างขวางกว่าวัดอื่นๆ ในเวียงกุมกามครับ เพียงแต่ในความกว้างขวาง ไอ้ที่หลงเหลือยู่ให้ได้ชม ก็แค่ซากปรักหักพังเป็นฐานสูงไม่เท่าไหร่ เหมือนกับวัดอื่นๆ เล็กๆ น้อยๆ ทั่วไป ในย่านนี้ แต่ก็จะมีต่างกันแค่ขนาดพื้นที่ และมีซุ้มประตูโขง เด่นสง่ากว่าใครๆ
ภายในวัดแห่งนี้ จะประกอบไปด้วยซุ้มโขงประตูใหญ่ อุโบสถ มณฑป วิหารและเจดีย์ มีลวดลายปูนปั้นประดับซุ้มประตูวัดเป็นรูปกิเลน สิงห์ หงส์ที่มีความงดงาม แต่สิ่งก่อสร้างที่จัดได้ว่าเด่นที่สุดๆ ก็จะมีกันแค่ 2 แห่ง ของวัดหัวหนอง คือ โขงประตูวัด และเจดีย์ช้างล้อม
โขงประตูวัดหัวหนอง กล่าวได้ว่ามีลักษณะคล้ายๆ ร่วมกันกับวัดในเขตแคว้นล้านนาหลาย ๆ แห่ง โดยเฉพาะวัดที่มีความสำคัญ มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นประตูอย่างวัดพระธาตุลำปางหลวง วัดสวนดอก วัดเจ็ดยอด วัดชมพู เป็นต้น อันสามารถกำหนดอายุได้ในช่วงเวลาสมัยเอกราชของแคว้นล้านนา (พ.ศ. 1839-2101)
ส่วนเจดีย์ช้างล้อมนั้น พิจารณาได้ว่าเป็นลักษณะร่วมกับศิลปะสถาปัตยกรรมของแคว้นสุโขทัย ราวพุทธศตวรรษที่ 19-20 โดยมีข้อสังเกตประการหนึ่งอยู่ที่ช้างล้อมของวัดหัวหนอง อยู่ในท่าหมอบคู้ขาหน้าที่ไม่เหมือนเจดีย์องค์ใด ยกเว้นเจดีย์วันเวลิ ในประเทศศรีลังกา
นับได้ว่าสถาปัตยกรรมของวัดหัวหนอง มีหลายอย่างให้ได้ศึกษาค้นหากันอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของศิลปะที่บรรจงถ่ายทอดออกมา ซึ่งถือได้ว่าวิจิตรงดงามกันสุดๆ