วัดอู่ทรายคำ

C360_2013-11-10-11-58-22-650

วัดอู่ทรายคำ ผมแวะมาวัดแห่งนี้เพราะป้าย “เชิญนมัสการพระสิงห์หยก วัดอู่ทรายคำ” ล้วนๆ

ที่มาที่ไปของเรื่องก็คือ มันแปะโชว์ไว้ตรงปากซอยเลยโรงแรมอโมร่า ท่าแพมานิดนึง เท่านั้นยังไม่พอ ทั้งตรงปากประตูวัด หรือแม้รกะทั่งข้างวิหาร ก็ยังมีติดบอก ซึ่งนั่นพอจะเดาออกได้ว่า “พระสิงห์หยก” คงจะมีความสำคัญในวัดแห่งนี้

C360_2013-11-10-12-02-38-876

C360_2013-11-10-11-55-08-233

พระพุทธสิหิงค์หยก หรือเรียกสั้นๆ ว่า “พระสิงห์หยก” วัดอู่ทรายคำ เป็นพระพุทธรูปที่ทำจากเนื้อหยกธรรมชาติแท้ Jadeite เจดส์ได ประเภท CommercialJade (คอมเมสเชียลเจดส์) มีหลากหลายสีอยู่ในองค์พระ เช่น สีเทาอมฟ้า, สีม่วง ที่ไหล่ซ้าย สีเขียวพระหัตถ์ซ้ายผ่านหน้าอก ทะลุลงบัลลังค์ และมีสีขาว เล็ก ๆ เป็นจุด ๆ ที่เข่าซ้าย ความแข็งระดับ 7 ถือว่ามีสีลักษณะครบตามที่คนจีนเรียกว่า ฮก ลก ซิว นับว่าเป็นมงคลอย่างยิ่ง แหล่งกำเนิดที่ผากั้น รัฐคะฉิ่น ตอนเหนือของพม่า แล้วนำมาประมูลขายที่เมืองมัณฑเลย์ ประเทศพม่า

C360_2013-11-10-11-56-03-464

ลักษณะโดยทั่วไปของพระหยก เป็นปางมารวิชัย ศิลปะล้านนาแบบสิงห์ 1 ขนาดหน้าตักกว้าง 29 นิ้ว สูง 41 นิ้ว น้ำหนัก 900 กิโลกรัม ก่อนแกะ 2,572 กิโลกรัม นับว่าเป็นพระหยกธรรมชาติ( Jadeite เจดส์ได) หยกพม่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหารกรุงเทพฯ ได้ประธานพระบรมสารีริกธาตุบรรจุในผอบทองคำไว้ในพระเศียร และทรงตั้งพระนามให้เพื่อเป็นมิ่งขวัญของพุทธศาสนิกชนชาวเชียงใหม่ และพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั่วโลก

C360_2013-11-10-11-58-22-650

C360_2013-11-10-12-00-25-579

ส่วนประวัติของวัดอู่ทรายคำนั้น สร้างโดย อุบาสิกา อุปคำ ซึ่งอพยพมาจาก เมืองเชียงแสน (เชียงราย) อันเนื่องมาจากสงคราม ก่อนจะมามาตั้งบ้านเรือนบริเวณนี้ และได้พร้อมใจกันสร้างวัดขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความศรัทธา ในบวรพระพุทธศาสนา และถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระบรมศาสดา ด้วยความเคารพยิ่ง

ศาสนสถานอื่นๆ นอกเหนือจากพระสิงห์หยกที่ได้กล่าวไป ในวัดแห่งนี้ก็ยังมีอีกหลายอย่างดังต่อไปนี้ครับ

C360_2013-11-10-11-59-40-983

C360_2013-11-10-12-01-41-678

อุโบสถ เป็นแบบจตุรมุขภายนอกมีรูปปูนสังข์ทองเป็นที่ชื่นชมชาวต่างประเทศมากซึ่งบูรณะครั้งใหญ่ เมื่อ พ.ศ. 2530 ทรงจตุรมุขและรูปปูนอย่างนี้มีแห่งเดียวในจังหวัด เชียงใหม่

C360_2013-11-10-12-04-40-956

พระเจดีย์ แรกเริ่มคงสร้างไม่ใหญ่เท่าไหร่ต่อมา มีการสร้างครอบครององค์เดิมให้ใหญ่ กว่าเดิมได้ตกแต่งวิจิตรสวยงามดังปัจจุบัน

พระพุทธรูปปูนปั้น พระประธานในพระวิหารขนาดสูง 2.62 เมตร กว้าง 2.22 เมตร

พระพุทธรูปปางมารวิชัย ตามตำนานเล่ากันว่า นายช่างไปวาดภาพจำลองพระพุทธรูปเก้าตือ วัดสวนดอก มาก่อสร้างพระประธานแห่งนี้ให้เหมือนของเดิมและงดงามน่าเลื่อมใส ใครได้นมัสการแล้วเกิดความสบายใจ และเป็นสิริมงคลแก่ตนเองด้วย

C360_2013-11-10-11-54-31-791

หอไตร ศิลปกรรมทรงแบบล้านนาไทย คนเมืองเรียกว่า “ประสาทหลังก๋าย” สวยงามมากไม่ซ้ำแบบใครในเมืองเชียงใหม่ และได้บูรณะให้อยู่ในสภาพเดิม พ.ศ. 2533 ของเดิมซึ่งมีอายุร่วมร้อยปี

ธรรมมาสน์ ก็เป็นอีกชิ้นหนึ่งที่เป็นของเก่าแก่อยู่ในอาวาสแห่งนี้ ได้บูรณะให้อยู่ในสภาพเดิม พ.ศ. 2533 และยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน

นอกจากความสวยงามของสถาปัตยกรรมหลายอย่างในวัดแล้ว ความสำคัญของวัดแห่งนี้ยังเป็นปูชนียสถาน ศูนย์กลางการศึกษาภาษาบาลี พระธรรมวินัย ขนบธรรมเนียม ประเพณีของชาวเชียงใหม่ในอดีตมานานกว่า 200 ปี เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียน อักขระพื้นเมืองในอดีต และอบรมกุลบุตรสืบต่อกันมานาน ไม่เคยรกร้างว่างเปล่าเลยหลัง พ.ศ. 2414