ผมพยายามนั่งนึกอยู่หลายนาทีว่าฉากในหนังเรื่อง Lost In Thailand มันมีวัดเชตวันแว่บผ่านเข้ามามั้ย เพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าตัวละครเอกวิ่งผ่านแถวนี้
นั่งนึกไปได้ 10 กว่านาที พร้อมกวาดสายตาไปข้างวิหาร นึกจนหัวกบาลแทบแตก ก็นึกไม่ออก สุดท้ายเลยปล่อยมันไว้เช่นเดิม ทำนองช่างหัวคุณยายมัน เอาไว้วันไหนสมองโลดแล่น นึกออกค่อยจะมาบอกอีกทีว่ามีหรือไม่
จริงๆ แล้ว บางทีถ้าหนังยัดรายชื่อสถานที่สำคัญภายในวัดตอนท้ายเรื่องก็น่าจะดีไม่หยอกนะ เพราะอย่างน้อยๆ คนจีนที่มาเที่ยว มันจะได้วางแผนชีวิตถูกว่าตูควรจะไปเที่ยวไหนบ้างที่เคยเห็นในหนัง อารมณ์ประมาณตามรอย Lost In Thailand
วัดเชตวัน หนึ่งในวันย่านถนนท่าแพที่วางตัวเรียงรายอยู่ใกล้ๆ กันกับหลายวัดแถวนั้น โดยอยู่กับข้ามกับวัดมหาวัน ซึ่งถ้าจะพูดไปแล้ว วัดแห่งนี้มักจะถูกมองข้ามจากชาวบ้านในการแวะมาเที่ยวชมสถานที่ ทั้งๆ ที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามดีๆ มีไว้อวดโชว์หลายอย่าง
ตามความหมายของชื่อวัด วัดเชตวัน หมายถึง วัดที่อยู่ในป่าเล็กๆ โดยฝั่งตรงข้ามมีวัดมหาวัน ซึ่งหมายถึง วัดที่ตั้งอยู่ในป่าใหญ่ ซึ่งจากการสันนิษฐานของนักโบราณคดีบอกว่า วัดสองแห่งนี้สร้างขึ้นพร้อมกัน ตามคำเล่าสืบต่อกันว่า “วัดมหาวันผู้เป็นพี่สร้าง วัดเชตวันผู้เป็นน้องสร้าง” นอกจากนี้วัดเชตวัน ยังมีชื่อเหมือนกับ “เชตวัน” อารามในประเทศอินเดีย ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่นานกว่าอารามอื่นๆ ในสมัยที่พระองค์ดำรงพระชนม์ชีพ
วัดเชตวัน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพม่าปกครอง มีอายุนานหลายร้อยปี ทรงได้รับพระราชทานวิสุงสีมา เมื่อ พ.ศ.2466 สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาพระสงฆ์ผูกพันธสีมา ครองวิหาร ไม่มีอุโบสถต่างหาก เพราะเนื้อที่บริเวณคับแคบ ส่วนสถาปัตยกรรมสำคัญภายในวัดก็ประกอบไปด้วย วิหาร เจดีย์ 3 องค์ และพระพุทธรูปปูนปั้นศิลปะพม่า และพระพุทธรูปเชียงแสนทองเหลืองประทับนั่งขัดสมาธิเพชร
นอกจากในวัดแห่งนี้จะมีความโดดเด่นของ เจดีย์ 3 องค์ แล้ว ความสำคัญของวัดเชตวัน ยังเป็นสถานที่จำพรรษาของอดีตพระมหาเถระ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ มีตำแหน่งเป็นพระราชาคณะถึง 3 รูปด้วยกัน คือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระอภัยสารทะ (ก้อนแก้ว อนุทจกุโก) อดีตเจ้าคณะเชียงใหม่รูปที่ 3 , พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระมงคลราชมุนี (สมบูรณ์ จนุทวํโส) อดีตเจ้าคณะเชียงใหม่รูปที่ 6 และพระปลัดโกศล หรือ หลวงพ่อพระครูมงคลสีลวงค์ รักษาการปี 2506 –2507 ซึ่งปัจจุบันได้รับพระราชทินนามที่พระเทพวิสิทธิคุณ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ปัจจุบัน และจำพรรษาอยู่ที่วัดบุพพราม
เอาเป็นว่าใครมาเที่ยววัดแถวถนนท่าแพ กระผมก็ขอฝากวัดเชตวันไว้ในอ้อมใจด้วยล่ะกัน ในฐานะเป็นอีกหนึ่งวัดที่น่าเที่ยวและสวยงามในแพ้วัดอื่นๆ และที่ต้องฝากกันเช่นนี้ก็เพราะไม่อยากให้วัดเชตวัน มีสภาพเป็น “วัดผู้น้อง” ที่ถูกคนอื่นหมางเมิน จนพากันหันไปเที่ยวแต่วันมหาวันในนามของ “วัดผู้พี่”