“การเดินทาง คือสายตาของนักเขียน” ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ พญาอินทรีแห่งสวนทูนอินได้บอกไว้
ประโยคท่อนนี้ผมจำได้ขึ้นใจ เวลาต้องออกเดินทางไปไหนมาไหนเสมอ เพราะทุกครั้งของการเดินทาง มันทำให้เราหูตากว้างไกลขึ้น ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ได้สังเกต พูดคุยกับผู้คนหลากหลาย ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจากการเดินทางแต่ละครั้ง มันทำให้เรามีวัตถุดิบ หาเรื่องมาเขียนได้
จะบอกว่านักเขียนเป็นพวกชอบหาเรื่องก็คงถูก
ครั้งนึงมีโอกาสพูดคุยสอบถามกับ โหน่ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ในงาน บุ๊คแฟร์ ของสำนักพิมพ์อะบุ๊ค เฮียโหน่งก็บอกว่าเป็นนักเขียน การหาแรงบัลดาลใจที่ดีในการเขียนหนังสือ คือการเดินทาง การอ่านหนังสือ ที่สำคัญพยายามพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่มันไม่ปกติ เพราะเมื่อมันไม่ปกติ เราก็จะมีเรื่องมาเล่า มีข้อมูลเอามาเขียน
………
เวลาพลบค่ำวันหนึ่งจาก 365 วัน ผมพาตัวเองออกเดินทางอีกครั้งมายัง มัสยิดเทพมณเฑียร หรือ บางคนอาจจะเรียกว่าวัดเทพมณเฑียร ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าสนามกีฬาเทศบาลเชียงใหม่ ถามว่าผมมาทำอะไรแมวน้ำที่นี้ ในเมื่อไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับการนับถือศาสนาฮินดู ก็จะขอบอกไว้ตรงนี้ก่อนล่ะกันว่า ผมมาเพราะอยากรู้ว่ามัสยิดแห่งนี้มีอะไรน่าสนใจในนั้น
ก่อนเข้าไปยังด้านใน เห็นป้ายแปะไว้ถึงข้อปฏิบัติหลายอย่าง ทำเอาผมในฐานะชาวพุทธหูรุนแรงต้องหยุดชะงัก เพื่อศึกษาข้อมูลก่อน เพราะถ้าเกิดไม่อ่าน เผลอสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร มีหวังสุ่มเสี่ยงต่อการถูกครหาว่า “ลบหลู่” องค์เทพ ว่าแล้วก็เลยสำรวมกาย วาจา ใจ ก่อนจะเอาฝ่ามือแตะที่พื้นบันไดแล้วนำมาสัมผัสที่หน้าผาก เพื่อเป็นการแสดงต่อความเคารพต่อแม่พระธรณี ซึ่งต้องทำทั้งตอนมาและตอนกลับ โดยการกระทำเช่นนี้ ถือเป็นธรรมเนียมการปฏิบัติของชาวฮินดู ก่อนจะก้าวเข้าสู่บริเวณที่ประทับขององค์เทพ
วัดเทพมณเทียร ถือเป็นเทวสถานของอินเดียฝ่ายเหนือ ที่แตกสาขาออกมาจากวัดเทพมณเฑียรที่กรุงเทพ เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ของศาสนิกชนฮินดู-พราหมณ์ ของคนที่นี้ ซึ่งหลังจากที่ผมได้เดินเข้าไปสำรวจบริเวณภายในก็พบเทวรูปแกะสลักจากหินอ่อน ประดิษฐานอยู่หลายองค์ มีลักษณะความงดงามตามแบบศิลปะอินเดียเหนือ เช่น พระพิฆเนศ พระวิษณุ พระแม่ลักษมี พระแม่สุรัสวดี พระพรหม พระศิวะ พระแม่ทุรกา พระพุทธเจ้า พระกฤษณะ พระราม ศิวลึงก์ หลุมศพพระนางสตี
นอกจากภายในจะประดิษฐานเทวรูปหลายองค์แล้ว บริเวณฝาผนังยังมีศิลปะภาพนูนต่ำ แสดงภาพมหาเทพในศาสนาฮินดู ทั้งพระนารายณ์ปางเปิดโลก พระตรีมูรติ พระแม่คายตรี พระกฤษณะ ฯลฯ เรียงรายตามฝาผนังเป็นแนวยาว
ทั้งนี้บรรยากาศในวัดค่อนข้างจะเงียบสงบกันพอสมควร (ออกแนววังเวงนิดๆ สำหรับผม) ซึ่งนานๆ ทีถึงมีคนแวะมากราบไหว้บูชาองค์เทพ
สำหรับใครที่สนใจมากราบไหว้บูชาองค์เทพ หรือเยี่ยมชมเทวรูป รวมทั้งศิลปะภาพนูนต่ำ ก็มากันได้ที่วัดเทพมณเฑียรทุกวัน โดยจะเปิดกัน 2 ช่วง คือ 06.30 -12.00 น. และ 15.00 – 19.30 น. ครับ