ขึ้นชื่อว่าสัตว์ เราอยากได้ไปไว้ใจนิสัยมันมาก เพราะสัตว์ยังไงก็คือสัตว์ ที่เราไม่มีทางจะไปเข้าใจตัวตนจริงๆ ของพวกมันมากกว่าพวกด้วยกันเอง
ก็ขนาดคนเดียวกันเอง เรายังไม่ค่อยเข้าใจกันเลยครับ
จั่วหัวกันมาแบบนี้ไม่ได้มีอะไร เพียงแต่ผมไม่ค่อยไว้วางใจเท่าไหร่กับน้องหมาในวัดหลายตัว ที่นอนเอกเขนกอย่างสบายอารมณ์บนลานวัด
อะไรล่ะที่ไม่น่าไว้ใจ
แน่ล่ะลักษณะท่าทาง แม้จะนอนเล่นอย่างสบาย แต่สีหน้าขอบอกเลยว่าพร้อมที่จะกะซวกเราได้ทุกเมื่อ แม้เราจะไม่ได้ไปทำอะไรให้ก็ตาม
แค่เดินผ่านยังเสียววาบกันเลยพ่อคุณ ฮ่าๆๆ
เหตุดังกล่าวนี้ของผมเกิดขึ้นในวัดเมธังครับ วัดแห่งนี้เป็นวัดเล็ก (เล็กจริงๆ) บนถนนราชมรรคา ต.พระสิงห์ เขตคูเมือง จะบอกว่าอยู่ท้ายถนนก็ได้ โดยวัดจะอยู่ทางฝั่งประตูสวนดอก
วัดเมธัง แห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2095 เดิมชื่อ วัดช่างลาน เป็นวัดเก่าแก่โดยเริ่มสร้างสถูปก่อน ต่อมา หนานเมธังกับนางแก้ว ได้บริจาคที่และเงินเพื่อสร้างวัดใหม่ถัดจากที่เดิมไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อสร้างเสร็จจึงได้ชื่อว่าวัดเมธัง ส่วนวัดช่างลานเดิมได้ร้างไปคงเหลือร่องรอยไว้เพียงเล็กน้อย
สถาปัตยกรรมประกอบด้วย อุโบสถทรงล้านนา กุฏิสงฆ์ วิหารทรงล้านนาไทย หอไตรได้รับการบูรณะใหม่ ศาลาบำเพ็ญกุศล และเจดีย์ขนาดเล็ก เป็นเจดีย์แบบย่อมุม ลักษณะคล้ายๆ กับเจดีย์วัดพระธาตุดอยสุเทพ
จากการเดินเล่นสำรวจโดยรวมแล้ว วัดแห่งนี้ถือว่ามีนักท่องเที่ยวแวะผ่านมาเที่ยวน้อยมาก อาจจะขาดจุดดึงดูดสนใจหลายอย่างในวัดในเรื่องของสถาปัตยกรรม ทั้งยังมีขนาดเล็ก และเอออีกเรื่องสำคัญ อาจจะเกี่ยวกับน้องที่ที่ท่าทางดุด้วย
หมาท่าทางดูไม่พอ เย็นๆ เข้าลองเข้าไปด้านในของพระวิหาร ขอบอกว่าบรรยากาศวังเวงพอสมควร ดูอึมครึ้มไม่น่าไว้วางใจ ใครกลัวผีขอบอกเลยว่าเอ็งหลอนแน่ๆ ล่ะ
เอ้าจริง ผมพูดจริง ขนาดตัวเองไม่ค่อยกลัวยังรู้สึกเลยว่า มันน่ากลัวว่ะ ขนาดแค่เดินโฉบไปถ่ายรูปนิดๆ หน่อย ยังรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
นั้นไง จะพาคนอ่านแวะเข้าช่วงคนอวดผีรึเปล่า
แหม พูดไปนั้น ผมไม่ใช่ว่าเอะอะไรจะทำไรแบบนั้น มันก็แค่คิดคำนวณไปตามประสาคนบ๊องๆ อย่างผมเองแหละครับ
ตกลงผี หมา หรือว่าอย่างอื่นน่ากลัวกว่ากัน?
หมาอาจจะมีส่วนเพราะกลัวโดนกัด ส่วนเรื่องผี อืม อันนี้ถ้ามาก็กลัวนะ ถ้าให้เชื่อก็คง 50/50 หรือบางทีไอ้ 50/50 อาจจะไม่มี เพราะแท้จริงนี้เรากลัวใจตัวเองทั้งหมดจากการปรุงแต่งขึ้น
ใครเห็นด้วยก็ชูมือขวาครับ