สะเต๊ะเนื้อใต้ต้นข่อย

page

ก่อนมากินสะเต๊ะเนื้อใต้ต้นข่อย สารภาพกันมาก่อนเลยล่ะว่าตัวเองหาร้านไม่ค่อยเจอ น่าจะ 4-5 ครั้ง เห็นจะได้ถึงได้ยลโฉมหน้าตาร้านว่าเป็นกันยังไง

โต๊ะไม้เก่าๆ สองตัว ตรงกลางมีเตาย่างเนื้อสะเต๊ะ บริเวณรอบนอกมีเก้าอี้ไม้เตี้ยๆ อยู่ประมาณซัก 6 ตัวเห็นจะได้ นั้นแหละคือสภาพของร้านสะเต๊ะ

ร่มเงาอาศัยเอาจากต้นข่อย ก่อนจะกันแดดอีกรอบด้วยผ้าใบมุงตรงทั่วรอบๆ บริเวณร้าน

เรียบง่าย แต่ได้ใจความ ส่วนวันไหนฝนกระหน่ำในระดับรุนแรง อันนี้ก็ตัวใครตัวมัน ฮ่าๆๆ

C360_2013-11-30-10-04-30-131

กลับไปที่ย่อหน้าแรกอีกครั้ง สาเหตุที่ผมไปไม่ค่อยเจออย่างแรกล่ะคือทำเลร้าน (เตรียมๆ เอาปากกามาจดไว้) โดยที่ตั้งจะอยู่ตรงใต้ต้นข่อย โดยถ้าขับรถมาจากสี่แยกโรงพยาบาลเซ็นทรัล เชียงใหม่ เมโมเรียล มาตามถนนระแกง มันจะอยู่ฝั่งขวามือตรงข้ามกับร้านไก่ย่างวิเชียรบุรีครับ

อย่างที่สองที่ต้องบอกเพราะเดียวไปแล้วไม่เจอคือ เวลาทำการ ร้านนี้เปิดกันแต่เช้าประมาณซัก 08.00 น. ไปจนถึงเที่ยง ฉะนั้นใครมาเวลาอื่น อดกินนะครับ

C360_2013-11-30-09-58-30-765

หลังจากอธิบายเส้นทางและเวลาไปแล้ว หันมาดูเรื่องของสะเต๊ะบ้าง สะเต๊ะร้านนี้มีแต่เนื้อนะครับไม่มีหมู (คาดว่า “พี่แขก”คนขายแกนับถืออิสลาม) เวลาซื้อจะสั่งกลับบ้านหรือนั่งกินที่ร้านได้ โดยเวลาขายแกจะเอามาย่างกันใหม่สดๆ ไม่มีการย่างทิ้งไว้ ลูกค้าคนไหนมาปุ๊บ แกก็จับมาย่างทันที ถ้านั่งกินกันที่ร้าน แกก็จะทยอยส่งให้ทีละ 3 – 4 ไม้ใส่ไว้ในจาน เครื่องเคียงพวกน้ำอาจาด น้ำจิ้มเนื้อสะเต๊ะ พริกสด หอมแดง จัดเต็มไม่มีหวง

C360_2013-11-30-09-50-23-462

C360_2013-11-30-09-55-40-646

C360_2013-11-30-09-50-49-906

ด้วยความที่เนื้อสะเต๊ะแกย่างใหม่ตลอดเวลา ความอร่อยมันเลยสัมผัสได้ง่ายกันแบบร้อนๆ ของเนื้อสะเต๊ะ ที่คัดเอาเฉพาะเนื้อสันนอกชั้นดีมาหมักกับขมิ้น น้ำตาล และเกลือเล็กน้อย เวลากินก็จิ้มมันลงไปกับน้ำจิ้มสะเต๊ะสูตรเฉพาะ สลับกันกับน้ำอาจาด เป็นว่าอร่อยลงตัว

page

5 ไม้ เท่ากับราคา 20 บาท เป็นอัตราการคิดของทางร้าน ใครนั่งกินๆ ไประวังไหลไม่รู้ตัว อย่างผมก็หมดไป 60 บาทครับ ถือว่าพอได้ แต่ถ้าให้กินอิ่มสงสัยคงต้องหมดประมาณ 100 บาทขึ้นไปเป็นแน่แท้

C360_2013-11-30-09-52-54-034

เอาเป็นว่าใครอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งกินเนื้อสะเต๊ะในสไตล์แบบนี้ ก็เรียนเชิญมาทดสอบกันได้ทุกวันเวลาทำการอย่างที่ผมได้แจ้งไปแต่แรก อย่างน้อยๆ การเปลี่ยนบรรยากาศ ก็คงพอจะช่วยให้เราได้เพิ่มสีสันในรสชาติการกินเนื้อสะเต๊ะมากยิ่งขึ้น