ของอร่อยๆ มักจะหลบสายตานักชิมกันอยู่เสมอ แต่สุดท้าย แม้จะหลบอยู่ในซอกหลืบกันซักเพียงใด ถ้าของมันอร่อยกันจริงๆ คนกินก็จะจมูกไวตามไปกะซวกกันเอง
กรณีนี้สามารถหยิบยกมาอ้างได้ ถึงความอร่อยของหมูปิ้งพี่เต๊ะครับ (แกบอกผมว่าเรียกพี่เถอะ เรียกพ่อ เรียกลุงมันดูยังไงชอบกล ทั้งๆที่อายุอานามก็รุ่นพ่อผมเนี่ยแหละ)
ร้านหมูปิ้งรถเข็นธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดารายนี้ ตั้งอยู่ตรงถนนพระปกเกล้า 8 อยู่ตรงข้ามวัดเจดีย์หลวงกันครับ ซึ่งแรกๆ ผมก็ไม่รู้จักในความอร่อยกันหรอก แต่บังเอิญมีพี่คนนึงแนะนำมา บ๊ะ! ว่าแล้วก็ลองจัดไปซักดอกจะเป็นไร
หมูปิ้งร้านนี้ เป็นหมูปิ้งที่มีช่วงเวลาขายไม่เหมือนชาวบ้านครับ กล่าวคือแกจะไม่ยอมขายหมูปิ้งในตอนเช้า แต่เลือกที่จะมาขายในตอนบ่ายลากยาวไปจนถึงค่ำแทน
วันนี้ศรีภรรยามาขายแทน เพราะสามีไปบวช คาดว่าออกพรรษคงคัมแบ็ค
“ขายตอนเช้าเหนื่อย เพราะต้องตื่นแต่ดึก เพื่อลุกมาเสียบหมูไว้ปิ้งขาย สู้มาขายตอนบ่ายสบายกว่ากัน มีเวลาพักผ่อน นอนหลับได้เต็มที่” พี่แกหล่นความเห็นไว้แบบนั้นกับผมในสำเนียงสบายๆ
สูตรเด็ดความอร่อยหมูปิ้งที่นี้ หลังจากที่ผมได้แงะปากถามแก แกบอกว่าวัตถุดิบที่ใช้ต้องดี ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมูที่ต้องคัดสรรเอาเฉพาะส่วนเนื้อสันคอที่มีติดมันมานิดๆ เครื่องปรุงที่ใช้ก็ต้องดี ทั้งน้ำปลา น้ำตาล แม้ทุกอย่างจะจ่ายต้นทุนสูงไปนิด แต่ก็คุ้มกับรสชาติหมูปิ้งที่ลูกค้าได้รับไป
อืมมม นะ ฟังดูเข้าท่า
นอกจากจะพิถีพิถันในเรื่องวัตถุดิบที่ใช้แล้ว การเสียบหมูถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้มันอร่อย รวมทั้งการปิ้งหมู โดยการปิ้งหมูของแกจะแบ่งออกเป็นสองช่วง คือช่วงแรกปิ้งไว้ก่อนแบบไม่ให้สุกมาก จากนั้นมาพอลูกค้าเยอะๆ ค่อยหยิบมาทยอยปิ้งให้สุกแบบเสร็จสรรพ ร้อนๆพร้อมกิน เพราะถ้าไม่ปิ้งแบบนี้ มีหวังไม่ทันลูกค้า
มีศิลปะในการเสียบหมูปิ้งไม่พอ ถ่านที่ใช้ปิ้ง พี่แกเล่นใช้ถ่านวิทยาศาสตร์ที่ทำจากกะลานะครับ ซึ่งแม้ว่าจะจุดติดยากไปซักนิดนึง เพราะต้องเอาถ่านไปปิ้งบนเตาแก๊สให้ติดไฟก่อน แต่เรื่องความร้อนยาวนานนิ นั้นถือว่าโอเคกันเลยทีเดียว
ราคาหมูปิ้งแก จะตกอยู่ที่ไม้ล่ะ 10 บาท ครับ คนนึงซื้อซัก 3-4 ไม้ก็เป็นอันว่าอิ่มแล้ว มีข้าวเหนียวร้อนๆ ซักถุง กินไปด้วย ใครชอบราดน้ำจิ้มก็มีนะ รสชาติน้ำจิ้มจะออกหวานนิดๆ
1 วัน แกทำขาย 300 ไม้ ขายตั้งแต่บ่ายสามถึงห้าโมงเย็น แล้วจากนั้นค่อยย้ายสถานที่ ไปขายต่อตรงสี่แยกแสงชัยมอเตอร์เซลล์ ตรงถนนเส้นราชภาคินัยตัดกับถนนราชดำเนิน พร้อมทั้งเปลี่ยนคนขายมาเป็นภรรยาขายจนถึงหนึ่งทุ่ม ของหมดเป็นอันเลิก เก็บของกลับบ้าน วันอาทิตย์หยุดทำงาน เข้าวัดไปทำบุญ
สะดวกช่วงไหนแวะไปชิมกัน จากสองช่วงเวลาและสองสถานที่ แต่ที่แน่ๆ แม้จะแบ่งขายกันแบบนี้ รสชาติยังมีความเป็นหนึ่งเดียวครับ คือ อร่อย! จบ.
ปล.เนื่องจากพี่เต๊ะแกไปบวช หลังออกพรรษาเวลาการขาย และสถานที่คงจะกลับมาเหมือนเดิม ตอนนี้หลักๆ ก็โฟกัสไปที่ถนนพระปกเกล้า 8 ไปก่อนครับ