อย่างที่เรารู้กันดีแหละครับ ว่าผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่นจากฝีมือชาวบ้าน ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีที่ให้ปล่อยของกัน แถมยังขายกันแบบตามมีตามเกิด ไม่มีอะไรแน่นอน เรื่องนี้ชุมชนไหนถ้ามีสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดใจชาวบ้านหน่อย มีคนมาเที่ยวกันเยอะ โอกาสได้ขายของก็พอจะมีกันอยู่ แล้วที่อื่นๆ ล่ะที่เงียบเหงาเป็นป่าช้า ควรจะทำยังไงให้ได้ขายของ
ใครที่บอกว่าสินค้าดีแล้ว เดี๋ยวคนก็จะมาหาตามซื้อเองแหละ ไม่ว่ามันจะอยู่ไกลในหลืบซักแค่ไหน อาจคิดใหม่และลองคิดมุมกลับอีกที ถ้าเอามาขายกันในที่ชาวบ้านคนอื่นๆ มีโอกาสได้เห็นผลิตภัณฑ์ชั้นเยี่ยม โอกาสมันจะไม่ดีกว่าเหรอ?
ฉะนั้นแล้ว การจัดงานหาที่ปล่อยของให้แต่ละชุมชนได้เอาผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นตัวเองมาอวด จึงสำคัญยิ่งหย่อนไม่แพ้กันกับการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพดี
อย่างงานผ้าฝ้าย ครั้งที่ 16 ในชื่อ “ทอเส้นฝ้าย สานเส้นใย ใส่สีธรรมชาติ” ก็เป็นอีกหนึ่งงานเช่นกัน ที่เปิดโอกาสให้แต่ละชุมชนได้นำสินค้ามาจำหน่าย ซึ่งเพิ่งจัดงานเสร็จสิ้นกันไปในวันที่ 28 มีนาคม – 6 เมษายน 2557 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 ถนนทุ่งโฮเต็ล จังหวัดเชียงใหม่ ผมมีโอกาสแวะไปเลียบๆ เคียงๆ ดูปรากฏว่ามีสินค้าให้เลือกดูกันเยอะพอสมควร
ก็ไล่ไปตั้งแต่ ผลิตภัณฑ์สินค้าผ้าฝ้าย ผ้าไหม เครื่องจักรสาน งานแสดงแฟชั่นโชว์ ผ้าฝ้ายทอมือ ซึ่งงานนี้ใครที่สนใจธุรกิจ หรือสนใจสินค้าเกี่ยวกับผ้าฝ้าย ผ้าทอ ผมว่าถ้าพลาด ขอบอกว่าเสียดายครับ
ทั้งนี้งานดังกล่าวเกิดขึ้นโดย ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 ร่วมกับ สมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย จังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอื่นๆ โดยมีจุดประสงค์ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมและกลุ่มผู้ทำอาชีพทอผ้าฝ้าย ผ้าทอ ผ้าพื้นเมือง เพื่อเป็นช่องทางให้ผู้ประกอบการได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ และจำหน่ายในงาน รวมถึงการพัฒนารูปแบบคุณภาพสินค้าผ้าฝ้าย มีการให้ความรู้ด้านวิชาการและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยผู้ประกอบการ
บรรยากาศในงาน ในวันที่ผมไปในช่วงบ่ายแก่ๆ ค่อนข้างจะเงียบเหงาพอควร เนื่องด้วยอากาศที่ค่อนข้างจะร้อนอบอ้าวกันตั้งแต่ข้างนอก แต่ถ้าใครชอบหรือคลั่งฝ้าฝ้าย ผ้าไหม หนักๆ ไปกับบูธจำหน่ายสินค้ากว่า 400 บูธ ความร้อนอบอ้าวที่ว่าก็อาจจะทำทีหลงๆ ลืมๆ กันไป ในเมื่อจิตใจมันเตลิดเปิดเปิงไปกับสินค้าแล้ว ประหนึ่งหญิงสาวผู้ไร้เดียงสาเดินเล่นในทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้แสนสวย
นอกจาก ผ้าฝ้าย ผ้าไหม จะขนมาจัดแสดงกันเยอะแล้ว เครื่องประดับ รวมทั้งอาหารการกินในรูปแบบ “โอท็อป” ก็ขนกันมาสนั่นเมืองเช่นกัน เผลอๆ อาจจะเยอะกว่า ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ด้วยซ้ำ
และนั่นทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาว่าบางทีงานแบบนี้ พวกพระรองอย่างอาหารการกินอาจจะขายดีกว่าด้วยซ้ำ และมันไม่ใช่แค่ครั้งแรก แต่มันเป็นกันมานานแล้ว
มีใครรู้สึกแบบผมบ้าง…