ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณในความขี้สงสัย และช่างสังเกตของตัวเองที่ทำให้ได้รู้จักอะไรใหม่ๆ ในชีวิต ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มาจากหนังสือ FAIL OF THE 2 YEARS ที่ซื้อมาอ่านได้ปีเศษๆ มันเป็นหนังสือที่อ่านแล้วทั้งขำ และทำให้เราหัดสังเกต มองอะไรรอบๆ ตัว ทั้งๆ ที่บางเรื่อง หากเพิกเฉยมันก็ไม่มีอะไร
และหากใครอยากรู้ว่า ไอ้ความขี้สงสัย และช่างสังเกตมันดีแบบไหนกัน ก็ลองไปหาอ่านประวัติของโทมัส อัลวา เอดิสันดู แล้วจะรู้ว่า คุณสมบัติสองประการที่ผมอ้างมาข้างต้นนั้น มันทำให้เราค้นพบสิ่งใหม่ๆในชีวิต เหมือนๆ กับตอนนี้ที่ผมเพิ่งมารู้ว่า เจดีย์ขาวตรงสามแยกถนนวิชยานนท์กับถนนวังสิงห์คำ ใกล้กันกับเทศบาลเชียงใหม่ มันมีอะไรมากกว่าการเป็นวงเวียนให้รถราได้ขับอ้อม เพื่อไปเส้นทางอื่น
เจดีย์ขาว หรืออีกชื่อ เจดีย์กิ่ว ตามหลักฐานการปรากฏมีไม่แน่ชัด แต่ก็มีตำนานเล่าขานกันมาว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นรำลึกถึงลุงเพียงในวีรกรรมรักชาติ ที่ยอมสละชีวิตเพื่อบ้านเมืองของตน
เรื่องมันมีอยู่ว่า ในสมัยก่อนมีกษัตริย์พม่ายกพลมาล้อมเมืองเชียงใหม่และให้จัดหานักประดาน้ำไปแข่งดำน้ำพนันกับชาวพม่า โดยว่าหากชาวเชียงใหม่ดำน้ำได้ทนกว่าก็จะยกทัพกลับไป ซึ่งพูดง่ายๆ ไปเลยก็ต้องบอกว่า มาท้าดำน้ำตีเอาเมืองขึ้น โดยไม่ต้องรบราฆ่าฟันกันโดยเฉพาะ
แหม คิดไปได้นะครับ ดีนะไม่มาเป่ากบ
ให้หลังจากนั้น เชียงใหม่ต่างก็สรรหานักดำน้ำตัวยงทั่วเมืองแต่ปรากฎว่าไม่มี สุดท้ายเลยได้ลุงเพียงคนนี้ ที่ขออาสาดำน้ำแข่งกับพวกพม่าแทน แต่พอชาวเชียงใหม่เห็นสารรูปลุงแกแล้ว ก็ได้แต่นอนเอาตีนก่ายหน้าผากพลางบอกว่า “มันจะไหวมั้ยล่ะลุง”
ไหวไม่ไหว งานนี้ก็ต้องลงแข่งไปก่อนละกัน ดีกว่าจะปล่อยให้เขามายึดเอาเมืองไปฟรีๆ โดยไม่ขัดขืนทำอะไรซักอย่าง
พอถึงวันแข่ง ณ ริมแม่น้ำปิงใกล้ๆ กันกับที่ตั้งเจดีย์ขาวในปัจจุบัน ก็ทำการจัดหาหลักสองอันปักลงไปในน้ำ เว้นระยะไม่ให้ใกล้กันมาก เมื่อถึงเวลาออกสตาร์ท ลุงเพียงในชุดกางเกงขาสั้น ผูกผ้าขาวม้าไว้ที่เอว ก็ประจำการตรงเสาปักพร้อมฝั่งพม่า นายทัพในฐานะกรรมการให้สัญญาณว่าดำได้ ก่อนทั้งคู่หายจ่อมลงไปในน้ำ
เมื่อเวลาผ่านไปนาน นานจนคนที่อยู่บนฝั่งรอกันจนเหงือกแห้ง ในใจก็ลุ้นระทึกว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ใครจะยอมแพ้โผล่หัวขึ้นจากน้ำก่อน
ในที่สุดนักดำน้ำชาวพม่าก็โผล่ขึ้นมา สร้างความโล่งตูดแก่ชาวเชียงใหม่เป็นอย่างยิ่ง ที่เหลือก็แค่รอลุงเพียงโผล่หัวขึ้นมา การันตีพร้อมชูมือเป็นฝ่ายชนะ
แต่พอเวลาผ่านไปนานมากแล้ว ลุงเพียงก็ยังไม่ยอมโผล่ขึ้นจากน้ำ ทุกคนบนฝั่งให้ความเห็นว่าชาวเชียงใหม่เป็นฝ่ายชนะแล้ว จึงให้คนดำน้ำลงไปตามลุงเพียงขึ้นมา
อนิจจา แทนที่จะเจอลุงเพียงประกาศศักดาชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ กลับเจอแค่ร่างที่ไร้วิญญาณของลุง ที่แกใช้ผ้าขาวม้าตัวเองผูกไว้กับหลักตายอยู่ในลำน้ำปิง และเพื่อเป็นอนุสาวรีย์แก่ความเสียสละของลุงเพียง เจ้าเมืองเชียงใหม่จึงให้สร้างเจดีย์ขาวที่ริมฝั่งแม่ปิงขึ้น
อนึ่ง นอกจากตำนานเรื่องของลุงเพียงแล้ว ยังมีผู้คิดว่าเจดีย์ขาวอาจเป็นสถูปบรรจุอัฐของบุคคลสำคัญชาวพม่าในครั้งที่มาครอบครองนครเชียงใหม่ในช่วง พ.ศ.2101-2317ก็ได้ ทั้งนี้เพราะเจดีย์ขาวไม่มีลักษณะและความสูงเหมือนเจดีย์ที่เป็นปูชนียวัตถุทั่วไป บางคนก็เล่าอีกว่าเจดีย์ขาวเป็นเครื่องหมายบอกว่าด้านล่างของเจดีย์ดังกล่าวเป็นปากอุโมงค์ที่ทอดยาวมาจากอุโมงค์ใต้ฐานเจดีย์หลวงที่อยู่กลางเมืองอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ความเป็นมาจะเล่าไม่ค่อยตรงกันซักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ จากการได้ศึกษา ก็ได้รู้ว่า “เจดีย์ขาว” ไม่ได้สร้างขึ้นมาลอยๆ เพื่อเป็นวงเวียนกันกลางถนน แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น ที่คนทั่วไปมักจะมองข้ามกัน ถึงขั้นทำตัวเพิกเฉย?