ผมพลาดโอกาสไปดูเดี่ยว 10 ที่กรุงเทพฯ ด้วยเหตุผลหลายประการ หนึ่งในเหตุผลอันสำคัญนั้นคือเรื่องเงิน!
ก็แหม ช่วงนั้น เจองานคอนเสิร์ตนอก 2 งานติดไล่ๆ กัน ค่าบัตรคอนเสิร์ตนั้น เลยถูกดูดหายวับไปกับตา
ว่าแล้ว ก็เลยตัดใจทิ้งไว้คราวหน้า (เดี่ยว 11) แต่ถ้าโชคดี บางทีเจ้าพ่อเดี่ยวไมโครโฟนแห่งประเทศสยาม อาจใจดีมาจัดที่เชียงใหม่อีกรอบ เหมือนๆ กับเดี่ยวเชียงใหม่คราวที่แล้ว
สวรรค์มีตา ฟ้าประทาน เฮียดมแกมาจัดแฮะ และเมื่อเทียบราคาบัตรกับที่กรุงเทพฯ ต้องบอกว่าราคาที่นี้ถูกกว่าเยอะ
ฮ่าๆๆ บางทีการพลาดครั้งนั้น ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ดีแล้ว แถมซ้ำยังจ่ายถูกกว่าเดิม ค่ารถก็ไม่ได้เสีย นั่งจนเมื่อยตูดไปบางกอก
ว่าแต่ เดี่ยวเชียงใหม่คราวนี้ หัวข้อ สาระ เนื้อหาสำคัญคืออะไร นั่นคือคำตอบที่ผมอยากรู้ในวันโชว์
ผมเลือกที่นั่งถูกสุดครับ ในราคาบัตร 500 บาท เพราะคาดว่าบัตรในราคาอื่นที่แพงกว่านี้ มุมมองคงไม่หนีกันเท่าไหร่ แต่ถ้าอยากเห็นอากัปกิริยาแบบใกล้ชิด ก็นู้นเลยหน้าสุด แต่ทว่าก็ต้องควักเงินจ่ายเพิ่มธรรมดาในราคาที่ไม่ค่อยคุ้ม
กรณีอยู่หน้าสุด ถ้าเป็นงานคอนเสิร์ตจะว่าไปอย่าง แต่นี้เรามาเสพความบันเทิงผ่านทางหูเป็นหลัก ฉะนั้น เรื่องกิริยาท่าทางคงไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ หรือถ้าอยากดูอย่างน้อยๆ ในนั้นก็น่าจะมีจอภาพให้เหลือบมองบ้างแหละ
และผมก็คิดถูกจริงๆ ในวันมาดู (วันแรกเลย) แต่ที่คิดผิดไปหน่อยนึง คือไม่รู้ว่าตำแหน่งในโซนตัวเองนั่ง ระดับความสูงที่เป็นระนาบ มันจะชันจนน่าเกลียดขนาดนี้ คือถ้าเทียบกับสนามฟุตบอลที่เราคาดไว้น่าจะ 45 องศาทำมุมกับพื้น แต่ ณ โรงละครกาดเธียเตอร์ อุทยานการค้ากาดสวนแก้ว บัตร 500 บาท โซนหลังสุด ต้องบอกกันเลยว่า มันชันในระดับ 60 – 70 องศา ซึ่งเวลามองดูเฮียดมเดินเล่นหน้าเวที ก็เลยไม่ค่อยจะโสภากันซักเท่าไหร่
เห็นเขาบอกว่า โรงละครแห่งนี้ เป็นโรคละครเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และอุปการณ์ด้านเทคนิคทันสมัยที่สุดในเอเชียอาค์เนย์นะ แต่ก็อย่างว่า เรื่องมุมมองที่นั่ง ตอนทำโรงละครเขาคงลืมตรงจุดนี้ไป (บางคนบอกก็มึงนั่งหลังสุด บัตร 500 เอาอะไรมาก)
ผ้าห่ม ของแถมจากเดี่ยว 10 เชียงใหม่ สวย คุ้มค่ากับบัตร 500 บาท ฮ่าๆๆ
ฝังตูดตัวเองตามตำแหน่งที่นั่งจองไว้ ซัก 20 กว่านาที ก็เป็นอันว่าถึงเวลาโชว์เดี่ยว ทางทีมงานเริ่มด้วยการเปิดวิดีโอเฮียดมพบปะประชาชนบิวท์อารมณ์กันก่อน จากนั้นเฮียแกก็ปรากฏกายต่อหน้าสาธารณชนบนเวที ท่ามกลางเสียงปรบมืออันอื้ออึ้ง ดังลั่นไปทั่วทั้งโรงละคร
ตามที่ผมคาดไว้ เรื่องเล่าน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเชียงใหม่แบบทั้งยวง เหมือนคราวที่แล้ว แต่พอเดินเรื่อง ปรากฏว่าผิดคาด เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีเรื่องไหนเกี่ยวกับเมืองเชียงใหม่ แต่ ณ ตอนนั้น ผมก็ยังคงคิดสงสัยอยู่ว่า โชว์เชียงใหม่ครั้งนี้ กับที่กรุงเทพที่เพิ่งผ่านไป 2 – 3 เดือน มันคือเรื่องเดียวกันมั้ย ซึ่งถ้ามันเป็นเรื่องเดียวกัน ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิดเยี่ยงนี้ การจะคิดหาเรื่องมาเล่า มันไม่ใช่งานง่ายๆ กอรปกับสภาพร่างกายเฮียแกไม่ค่อยไหว เพราะเพิ่งหายป่วยกลับมา ฉะนั้น การหยิบเอาโชว์ที่กรุงเทพมาเล่าอีกรอบ จึงเป็นทางออกทีดีที่สุด
การจัดงานแต่งงาน การสอนลูก การเมือง เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในรอบปี แร็พโชว์ รวมทั้งแขกรับเชิญ อย่างต๊อด คนเหนือโลก คือ หัวข้อคร่าวๆ เท่าที่ผมจำได้ ซึ่งพอหลังจากเดี่ยว 10 ออกแบบแผ่นมา เนื้อหาทั้งหมดก็ตรงกันเป๊ะทั้งจากโชว์ที่กรุงเทพและเชียงใหม่
จังหวังจะโคนในการเล่าเรื่อง อุดม ยังทำได้ดีไม่มีที่ติเหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา ไม่มีฮาแบบถึงจุดพีคสุดๆ แต่จะเป็นมาในแบบเรื่อยๆ เรียงๆ ค่อยๆ ปล่อย เหมือนมวยต่อยเอาแต้ม แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับในเดี่ยวระยะหลังๆ 2-3 ครั้งมานี้ คือเรื่องราวมักไม่หนีกันมาก ซึ่งพอนานๆเข้า ก็จะกลายเป็นว่าหมดมุขและตีบตัน
ตอนนี้อาจจะยังพอกล้อมแกล้ม และเอาตัวรอดไปได้ด้วยความเก๋า แต่ทว่าหลังจากนี้ไป 2-3 ครั้งในอนาคตข้างหน้า ไม่แน่ อาจจะถึงคราวต้องปรับเปลี่ยน หรือหาอย่างอื่นมาสร้างสีสัน เพราะไม่อย่างงั้น จำนวนคนดูอาจจะลดน้อยลง พอๆ กับแฟนเดนตายค่อยๆเลือนหาย
ธุรกิจข้างนอกกับการขายของที่ระลึกในนาม “อุดม” กำลังไปได้สวย แต่ถ้าโชว์มันเริ่มเห็นลางห่วยลง จนหมดมุข บางทีของก็อาจจะขายไม่ออกเช่นกัน…