เส้นทางทริปนี้ ผมไม่ได้ตั้งใจว่ามันจะเป็นเส้นทางท่องเที่ยววัดได้มาแต่ก่อน เนื่องจากคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรสนใจมาก เพราะเคยผ่านอยู่ 2 – 3 ที แบบไม่ได้ใส่ใจอะไร
แต่ล่าสุดเมื่อหลายวันก่อนลองค่อยๆ ขับรถจากสะพานมหิดล ตรงที่กลับรถถนนช้างคลาน เรื่อยมาตามริมฝั่งแม่น้ำปิง หลายๆ อย่างที่น่าสนใจ เมื่อค่อยๆ ขับรถไปพร้อมกับสังเกต ก็เริ่มก่อตัวขึ้น
อย่างที่บอกไว้แต่แรก ไม่นึกไม่ได้คิด แถมตอนมาก็มีแผนการ และเป้าหมายเอาไว้ในใจแล้ว แต่ในเมื่อการแหวกแผน หรือการทำอะไรนอกเหนือจากแผนการชีวิต ถือเป็นเรื่องที่น่าสนุกสำหรับทุกคน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือผมด้วยที่ทำเป็นประจำ
จะบอกว่าการนอกเรื่องเป็นสันดานของตัวเองก็คงถูก
นอกเรื่องจนได้เรื่อง และเรื่องที่จะมาแนะนำบอกกล่าวในคราวนี้ก็เป็นเส้นทางเที่ยววัดในตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยจุดสตาร์ทจะเริ่มจากถนนช้างคลาน แถวสะพานมหิดลกันก่อนเลยนะครับ โดยระหว่างเส้นทางดังกล่าวมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ลองตามหลังผมมาได้เลยครับ
วัดป่าพร้าวนอก (ขุนคำ) เริ่มสร้างในสมัยพระมหาอุปราชธรรมลังกา จุลศักราช 1660 ตรงกับปี พ.ศ. 2341 แต่เดิมวัดมีชื่อว่า วัดป่าพร้าวนอกช่างหม้อ เพราะตั้งอยู่บ้านป่าพร้าวช่างหม้อ ตามที่เรียกกันในสมัยนั้น ซึ่งชาวบ้านป่าพร้าวในสมัยนั้นมีอาชีพรองจากการทำนา คือการปั้นหม้อขาย ศาสนสถานในวัด มีเจดีย์ศิลปะล้านนาผสมพม่า พระพุทธรูปปางมารวิชัย ก่ออิฐ ถือปูน ลงรักปิดทอง วิหาร และหอไตร
วัดป่าแดด สร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2345 และบูรณะใหม่เมื่อปี พ.ศ.2475 ก วัดแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นที่เคารพนับถือของนักธุรกิจจากกรุงเทพฯ และดารานักแสดงพอสมควร ภายในวัดมีพระวิหาร เป็นอาคารปูนทั้งหลัง ศิลปะแบบล้านนา สีทองอร่ามไปทั่วทั้งหลัง ภายในวิหารมีพระประธาน เป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านนา พระเจดีย์ เป็นฐานสี่เหลี่ยมยกสูง มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิทั้งสี่ด้าน มีเจดีย์ขนาดเล็ก 8 องค์ ประดับอยู่บนฐานเจดีย์ องค์เจดีย์เป็นทรงระฆังสีทอง ส่วนยอดประดับด้วยฉัตรเจ็ดชั้น วิหารพระพิฆเนศ เป็นอาคารปูนยกพื้นสูงสถาปัตยกรรมล้านนา ประดิษฐานพระพิฆเนศ สร้างจากโลหะสัมฤทธิ์ รมดำ มีสี่พระกร ทรงวัชระ บ่วง งา และถ้วยขนม และหอไตร เป็นอาคารปูนสองชั้น หน้าบันเป็นลายไม้ประดับด้วยกระจกสี ชั้นสองมีระเบียงไม้ ปัจจุบันไม่สามารถเข้าไปชมภายในได้
วัดเกาะกลางก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2410 เดิมชื่อวัดปางสนุกนางเหลียว ศาสนสถานอันสำคัญในวัดมี วิหารสีขาว เป็นวิหารที่สวยงามมาก ภายในวิหารมีภาพวาดเกี่ยวกับวัดเกาะกลาง และชุมชน โดยวิหารแห่งนี้เป็นวิหารใหม่ ที่สร้างในปี พ.ศ. 2539 เนื่องจากบริเวณวัดอยู่ใกล้แม่น้ำปิง โครงสร้างเดิมของวิหารเป็นไม้ ปีหนึ่งน้ำท่วม 2 – 3 ครั้ง ทำให้วิหารหลังเก่ายุบตัวลง ทางวัดจึงได้บูรณะโดยถมดินสูงขึ้น 2 เมตร และสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ทั้งหมด ส่วนศานสถานอื่นอื่นๆ มีอุโบสถวางตัวใกล้ๆ กันกับวิหาร โดยด้านหลังวิหารมีเจดีย์เหลืองอร่ามวางตัวอยู่ ส่วนหอไตรจะวางตัวอยู่ใกล้ๆ ทางเข้าด้านหน้าวัด
วัดท่าใหม่อิ สันนิษฐานชื่อวัดดังกล่าวน่าจะมาจากชื่อที่ปลอมตัวของพระนางมณีจันทร์ที่ชื่อ “แม่อิ” วัดแห่งนี้มีความสวยงามเพราะด้านในวัดถูกตกแต่งให้เป็นสวนหย่อมย่อมๆ บรรยากาศร่มรื่น เหมาะแก่การมาพักผ่อน ศาสนสถานที่สำคัญ มีวิหารทรงล้านนาซึ่งเป็นวิหารเก่าแก่ของวัด ภายในวิหารประดับตกแต่งแบบลายคำ ปิดทองคำเปลว เสาแต่ละต้นของวิหารมีลวดลายที่ไม่เหมือนกัน และมีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของล้านนา ส่วนผนังของวิหารนั้นประดับตกแต่งด้วยภาพวาดจิตรกรรมฝาผนัง เรื่องราวพระเวสสันดรชาดก เป็นภาพวาดแบบปิดทองคำเปลวซึ่งหาดูได้ยาก
วัดวังสิงห์คำ ตามตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันว่า แต่เดิมริมฝั่งแม่น้ำปิงบริเวณตรงต้นจามจุรี (ฉำฉา) ที่อยู่บริเวณหน้าวัดใน ได้มีพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองคำประดิษฐานอยู่ พระพุทธรูปองค์นี้ได้แสดงอภินิหารติดเบ็ด ติดอวน ติดแหของชาวบ้านที่ออกหาปลามาถึงท่าน้ำหน้าวัดอยู่ตลอด พอชาวบ้านก็ได้อัญเชิญเอาพระพุทธรูปทองคำมาประดิษฐานไว้ที่วัด ตกกลางคืนพระพุทธรูปองค์นี้ก็แสดงอภินิหารกลับลงไปในแม่น้ำปิงตามเดิม ปัจจุบันองค์พระพุทธรูปสาบสูญไปและเข้าใจว่าคงจะประดิษฐานอยู่แม่น้ำปิงตามเดิม ศาสนสถานในวัดมี วิหารพระเจ้าทันใจ ลักษณะเสาและหน้าบรรณเป็นของเก่าตอนที่รื้อวิหารหลวงของวัด หน้าบรรณนี้มีอายุร้อยกว่าปี วิหารวัดวังสิงห์คำ สร้างด้วยอิฐถือปูน บานหน้าต่างวิหารเป็นไม้แกะสลักรูปพุทธประวัติ มีองค์พระประธานเป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน ลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ส่วนอุโบสถเป็นทรงล้านนาไทย และเจดีย์รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส
เป็นอันว่าครบถ้วนกระบวนความนะครับ ซึ่งหากใครอยากขับรถกินลม ชมวิวริมแม่น้ำปิง เที่ยววัดในเส้นทางนี้ บรรยากาศของธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมอันสวยงาม คุ้มค่าแก่การแว่บมาพักผ่อนอย่างแน่นอน คอนเฟิร์ม!