ยังไม่วนเวียนกับการเที่ยววัดใน อ.สันกำแพงอยู่ครับ โดยครั้งนี้จะพามาทำความรู้จักกับวัดดอนมูล ต.ทรายมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
วัดดอนมูล เริ่มสร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2442 มีครูบาเจ้าคำมูล ธฺมมเสนา เป็นประธานในการก่อสร้าง พร้อมด้วยศิษย์อีก 6 รูปเมื่อการก่อสร้างเสร็จ ครูบาเจ้าคำมูล ธฺมมเสนา ตลอดถึงศรัทธาประชาชน จึงได้พร้อมใจกันเรียกชื่อวัดที่สร้างขึ้นใหม่นั้นว่า วัดสันโค้งใหม่ (เรียกชื่อตามฐานะของวัดที่แยกออกมาจากวัดสันโค้งที่มีอยู่เก่า) หรือบางทีก็เรียกว่า วัดสันโค้งต้นผึ้ง (เรียกชื่อนี้เพราะที่ใกล้วัดมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งมีผึ้งชอบมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก) แต่ปัจจุบันนี้เรียกว่า วัดดอนมูล ตามที่ทางราชการเรียก แล้วครูบาเจ้าคำมูล ธฺมมเสนา ก็ได้รับอาราธนาจากศรัทธาทั้งหลายให้เป็นเจ้าอาวาสองค์แรกปัจจุบันวัดดอนมูลมีอายุ 110 ปี
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดแห่งนี้ คือ มณฑปอัฐิ ครูบาคำแสน คุณาลังกาโร พระเกจิอาจารย์-เมืองล้านนา ต้นตำรับการสร้างวัวธนู
ท่านเกิดเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2436 มีนามเดิมว่า คำแสน เพ็งทัน เป็นบุตรของนายเป็ง และนางจันทร์ตา เพ็งทัน บ้านสันโค้งใหม่ ต.ทรายมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ มีพี่น้องรวมกัน 8 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 7 ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 17 ปี โดยมีพระอธิการโพธิ (ครูบา) วัดสันโค้ง เป็นพระอุปัชฌาย์ และต่อมาก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดดอนมูลแห่งนี้ เมื่อบวชได้ 3 พรรษาท่านได้ไปศึกษาต่อกับพระอธิการแก้ว ชัยยะเสโน (ครูบาแก้ว) ที่วัดน้ำจำ ต.ร้องวัวแดง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยได้ศึกษาธรรมและเรียนกัมมัฏฐาน
พออายุได้ 34 ปี พระอธิการธรรมเสนา เจ้าอาวาสวัดดอนมูล มรณภาพ ทางคณะศรัทธาจึงได้นิมนต์ครูบาคำแสนเป็นเจ้าอาวาสแทนสืบมา จนท่านมีอายุได้ 39 ปี มีพระธุดงค์ชื่อพระอาจารย์แหวน สุจิณโณ เดินธุดงค์มาพักอาศัยอยู่ที่วัดอู่ทรายคำ ในเมืองเชียงใหม่ เมื่อทราบดังนั้นท่านได้ให้โยมคนหนึ่งไปนิมนต์พระอาจารย์แหวนให้มาเผยแผ่พระธรรมและอบรมที่วัดดอนมูล
ต่อมาพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้มาพำนักอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง พระอาจารย์แหวนและครูบาคำแสนได้ไปนมัสการและได้ถวายเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่นตั้งแต่บัดนั้นมา ต่อมาพระอาจารย์แหวนท่านได้จาริกไปมาในเมืองเชียงใหม่ และไปจำพรรษาที่วัดป่าห้วยน้ำริน อ.แม่แตง
ส่วนครูบาคำแสนหลังจากได้เรียนพระกัมมัฏฐานจากพระอาจารย์มั่นแล้วท่านก็ออกเดินธุดงค์ไปยังประเทศพม่า ย่างกุ้ง หงสาวดี แล้วเดินย้อนกลับไปสู่ภาคอีสาน ไปอยู่กับท่านอาจารย์สิงห์ที่จังหวัดนครราชสีมา
จากนั้นจึงได้เดินทางกลับขึ้นไปทางเหนือไปอยู่ถ้ำเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ถ้ำพระ จ.เชียงราย ถ้ำดอกคำพร้าว พระบาทสี่รอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่ใดเป็นที่วิเวก เป็นป่าเปลี่ยวท่านก็ได้พักภาวนาเรื่อยไปไม่หยุดหย่อน ตามโอวาทของพระอาจารย์มั่น ที่ได้ให้ข้อคิดไว้ว่า “ทำจริงก็คงจะได้เห็นของจริงเท่านั้น” ท่านเป็นลูกศิษย์ที่อยู่ในมหานิกาย ไม่ต้องญัตติใหม่เป็นธรรมยุต
ครูบาคำแสนได้สร้างเครื่องรางของขลังหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตะกรุดโทน ผ้ายันต์มหาสิทธิมงคล มหาสิทธิโชค และเครื่องรางที่ถือว่าท่านได้สร้างตามหลักโบราณ คือ วัวธนู ปราบภูตผีปีศาจ ป้องกันคุณไสย ตลอดจนให้เฝ้าทรัพย์สิน
นอกจากมณฑปอัฐิ ครูบาคำแสน คุณาลังกาโร แล้ว ในวัดยังมีศาสนสถานสำคัญอีก ไม่ว่าจะเป็นวิหาร เจดีย์ และหอไตร