มาถึงกันในตอนที่ 4 ส่วนนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นไฮไลต์ของ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กันอย่างแท้จริงครับ เพราะจัดเต็มในเรื่องของพรรณไม้กันอย่างสุดๆ
กลุ่มอาคารเรือนกระจก ประกอบด้วย โรงเรือนขนาดใหญ่ 4 โรงเรือน และโรงเรือนขนาดเล็ก 8 โรงเรือน เปิดให้เข้าชมกันครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2545 กลุ่มอาคารเรือนกระจกนี้ ได้ชื่อว่าเป็นอาคารเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จากทั้งหมด 12 โรงเรือน เราจะขอเริ่มกันที่ โรงเรือนขนาดใหญ่ 4 โรงเรือน กันก่อน โรงเรือนแรก เป็นเรือนกระจกใหญ่ หรือเรือนป่าดิบชื้น (Tropical rainforest) มีพื้นที่กว้างและใหญ่โตกว่าใคร ภายในจัดแสดงสภาพภูมิทัศน์ป่าและพันธุ์ไม้ป่าดิบชื้นอย่างที่จะเห็นเฉพาะทางภาคใต้ เช่น พืชวงศ์ปาล์ม พืชวงศ์ขิง-ข่า ใบไม้สีทอง เฟิร์น ดาหลา ฯลฯ
ต่อมาเป็นเรือนกระจกขนาดกลาง (Medium size glasshouse) 3 โรงเรือน เริ่มที่เรือนพรรณไม้น้ำ (Aquatic plants) ภายในจัดแสดงไม้น้ำและไม้ชุ่มน้ำต่าง ๆ รวมถึงพืชกินแมลงที่คุ้นหน้าคุ้นตา ได้แก่ บัวชนิดต่าง ๆ และหม้อข้าวหม้อแกงลิง
เรือนกล้วยไม้และเฟิร์น (Orchids and ferns) ภายในมีการจัดแสดงกล้วยไม้เกาะกิ่งไม้อยู่ข้างบน ส่วนใหญ่เป็นกล้วยไม้ไทยซึ่งเป็นจุดเด่นของโรงเรือนนี้ พื้นล่างเสริมแต่งด้วยเฟิร์น พืชไร้ดอก เฟิร์นแปลก ๆ มีมาก อย่างเฟิร์นต้น (ที่ทางใต้เรียกมหาสดำ) เฟิร์นแม่ลูกอ่อน มีลูกเกาะเป็นแผง เฟิร์นก้านดำ เฟิร์นขอบใบโพธิ์ เฟิร์นกีบแรดต้นใหญ่ และกูดดอยก็เฟิร์นชนิดหนึ่งเหมือนกัน ใบใหญ่กว่ากูดธรรมดาที่เขาเรียกว่าเป็น “ใบเฟิร์นกินได้” นั่นเอง
เรือนพืชทนแล้ง (Arid plants) เรือนกระจกที่จัดแสดงพันธุ์ไม้ในเขตทะเลทราย แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ เพื่อแยกพืชที่จัดแสดงให้มีความแตกต่างชัดเจนห้องแรกจัดแสดงกระบองเพชร (Cacti section) มีการรวมพืชสกุลกระบองเพชรชนิดต่าง ๆ ที่สำคัญจากทั่วโลก ห้องถัดมา คือห้องแสดงพืชสกุลศรนารายณ์และไม้อวบน้ำ (Agave section) เป็นการรวมพืชสกุลศรนารายณ์ที่ชาวบ้านแถวหุบกะพงนำมาทำเครื่องจักสานได้อย่างสวยงาม
เสร็จจาก 4 โรงเรือนใหญ่มาไล่ต่อกับอีก 8 โรงเรือนเล็กกัน โดยโรงเรือนขนาดเล็กจะเรียงแถวกันเป็นหน้ากระดาน หลังคาเป็นพลาสติกพิเศษ ยกเปิดระบายอากาศได้ มีระบบน้ำพ่นฝอยอัตโนมัติ ตั้งเวลาได้ โรงเรือนเหล่านี้เป็นเรือนแสดงพรรณไม้ที่น่าสนใจ ได้แก่ เรือนสมุนไพร เช่น ฟ้าทะลายโจร เก้ากำลังช้างสาร ว่านไก่ทอง หญ้าปักกิ่ง ฯลฯ เรือนไม้หายาก เป็นไม้เฉพาะถิ่นหรือมีพบน้อยลง อย่างเช่น คำมอกหลวง กฤษณา เรือนพืชกินแมลง มีหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่มีหลากหลายพันธุ์ และยังมีกาบหอยแครงและหยาดน้ำค้าง พืชกินแมลงในสกุลเดียวกันด้วย เรือนบอน และ เรือนไม้ด่าง นี่ก็เป็นพรรณไม้ประเภทใบสวยแปลกดี เรือนส้มกุ้ง เรือนสับปะรดสี ไม้ประดับจากต่างประเทศที่มีสีสันสวยงาม เป็นที่นิยมมากในการแต่งสวนทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะสับปะรดสี ที่ไม่มีผล แต่มีใบสวยและดอกชูช่อเด่น เรือนบัว มีบัวหลายสายพันธุ์ ให้ได้เลือกดูกันได้ตามอัธยาศัย แบบสบายใจไปกับความงาม
และจากทั้งหมดทั้งมวลที่ร่ายมานั้น คือความเต็มอิ่มของ กลุ่มอาคารเรือนกระจก ที่มอบให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินกันอย่างเต็มที่ ไว้เราไปต่อกันตอนที่ 5 เพื่อจบทริปนี้กันครับ