มาถึงม่อนแจ่มไม่ถึงสองนาทีหาที่จอดมอเตอร์ไซค์เสร็จ ฝนที่นี้ก็ตกลงมาต้อนรับผมกันอย่างทันใจ สงสัยคงกลัวผมไม่รู้ว่านี้มันคือช่วงปลายฝนต้นหนาวงานนี้เลยต้องหาที่หลบฝนกันพลางๆ แล้วค่อยออกมาเดินสำรวจม่อนแจ่มว่ามีอะไร
ระหว่างที่รอฝนตกหยุด ขอป้อนข้อมูลที่มีสาระกันซักหน่อย ม่อนแจ่ม ตั้งอยู่บนสันเขาบริเวณหมู่บ้านม้งหนองหอย อ.แม่ริม เดิมที่บริเวณนี้ชาวบ้าน เรียกว่ากิ่วเสือเป็นป่ารกร้าง ต่อมาชาวบ้านเข้ามาแผ้วถางและปลูกฝิ่น จนในท้ายที่สุดโครงการหลวงมาขอซื้อพื้นที่เข้า โครงการหลวงหนองหอย เมื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการหลวง คุณแจ่ม-แจ่มจรัส สุชีวะ หลานของ ม.จ. ภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวงได้เข้ามาพัฒนาและปรับปรุงบริเวณม่อนแจ่มให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ในลักษณะ ของแค้มปิ้งรีสอร์ท
ในช่วงปกติสภาพภูมิอากาศของม่อนแจ่มนั้น จะเย็นสบายตลอดปี มีหมอกยามเช้า แต่ในภาพวันที่ผมมา หมอกลงหนาจัดเนื่องด้วยฝนเพิ่งหยุดกันใหม่ๆ งานนี้ก็เลยกลายเป็นข้อดีของการมาในช่วงที่ฝนเพิ่งหยุด เพราะทะเลหมอกมันสวยมาก
จุดชมวิวของม่อนแจ่มจะมีสองฝั่งด้วยกัน ซึ่งทั้งสองฝั่งนั้นสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบ โดยฝั่งแรกสามารถมองเห็นทิวเขาสลับกันไปไกลสุดลูกหูลูกตา ซึ่งพอมองลงไปจะเห็นทิวทัศน์ทิวทัศน์ของ อ.แม่แตง และ อ.แม่ริม เป็นอย่างดี อนึ่ง ในวันที่ฟ้าเปิดเป็นใจมาก สามารถมองเห็นไกลถึงดอยหลวงเชียงดาวและขุนเขาเขตในจังหวัดเชียงรายกันเลยทีเดียวฮะ
ส่วนในตอนกลางคืนเดือนมืด ที่นี่จะงดงามไปด้วยทะเลดาว เต็มฟากฟ้า ให้ได้เชยชม พอก้มมองลงไปยังเบื้องล่างจะเห็นแสงไฟที่ส่องสว่างจากทั้งสองอำเภอ เรียกได้ว่าที่นี่กลางวันก็สวย กลางคืนก็แจ่มไม่แพ้กัน (บนม่อนแจ่ม สามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้)
อีกฝั่งที่ชมวิวของม่อนแจ่ม จะเป็นไร่ปลูกพืชต่างๆ ของโครงการหลวงบนภูเขาเป็นขั้นบันได มองไปก็แสนสบายตาไม่แพ้ฝั่งที่แล้ว แถมมีสายหมอกคลอเคลียไปกับแนวทิวเขา โอ้ว! นี่มันเยี่ยมเลย จอร์ช!
นอกจากจุดวิวทั้งสองฝั่งที่มีให้ชมกันทั้งกลางวันและกลางคืน บนยอดม่อนแจ่มมีพื้นที่ให้ชมแปลงดอกไม้และแปลงผักด้วย ซึ่งในส่วนตรงนี้ รู้สึกว่าเขาจะเวียนๆ สลับสับเปลี่ยนปลูกกันไป อย่างในช่วงที่ผมไปก็ไม่มีให้ดู (ถึงมีก็มีน้อยมากกว่า) แต่คาดว่าในช่วงหน้าหนาวคงมีให้ชมกันเพียบแน่นอน
และที่แน่นอนอีกอย่าง ทริปนี้ของเรายังไม่จบกันนะครับ พี่น้องที่เคารพ