ถ้าวัดศรีสุพรรณ พระอุโบสถงดงามด้วยเครื่องเงินแกะสลัก จากช่างวัวลายชนิดต้องโค้งคารวะให้ วัดช่างฆ้อง ก็คงต้องงดงามด้วยฝีมือจากช่างทำฆ้องในสมัยอดีตเช่นเดียวกัน
ที่ต้องกล่าวกันเช่นนั้น เพราะวัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ากาวิละ ซึ่งเป็นยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยช่างทำฆ้องที่อพยพมาจากเมืองเชียงแสน ได้รวมตัวกันขึ้นเป็นชุมชนที่มีชื่อเสียงในการทำฆ้องและเครื่องทองเหลือง ก่อนจะร่วมกันสร้างวัดขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางชุมชน โดยนามวัดนั้น ได้เรียกขานตามอาชีพของชาวบ้านในบริเวณแถบนี้ จากนั้นต่อมาภายหลัง ได้รับการบูรณะในสมัยพระเจ้ามโหตรประเทศ เมื่อปี พ.ศ. 2391
ศาสนสถานเก่าแก่ ที่น่าชมภายในวัดช่างฆ้อง ต้องนี้เลย หอไตรโบราณ อายุกว่าร้อยปี ซึ่งเป็นหอไตรแห่งเดียวของเชียงใหม่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างไทย จีน และพม่า
จากอายุกว่าร้อยปี ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2446 โดยการอุปถัมภ์จากนายบุญยืนและนางบัวคำ ลักษณะเป็นอาคารขนาดเล็กโครงสร้างแบบจีน ก่ออิฐถือปูนสองชั้น หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินขอ
สถาปัตยกรรมของหอไตรโบราณจะผสมผสานไปด้วยแบบไทย จีน และพม่า ปะปนกันไปครับ ส่วนต่างๆ ของหอไตรก็จะประดับประดาด้วยลวดลายปูนปั้น กระจกสี และไม้ฉลุลาย ผนังมีภาพจิตรกรรมเก่าเขียนด้วยสีฝุ่น เป็นภาพเกี่ยวกับปัญญาสชาดก เรื่องเจ้าสุวัตรกับนางบัวคำ โดยฝีมือช่างพื้นบ้าน ซึ่งยังคงสมบูรณ์อยู่
จากนั้นมาดูกันที่พระวิหาร พระวิหารวัดช่างฆ้องมีลักษณะเป็นทรงล้านนา หน้าบันประดับรูปช้างสามเศียร เทวดา และลวดลายพรรณพฤกษา ผนังมีจิตรกรรมเรื่องพระเจ้าสิบชาติ และพุทธประวัติ
ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นประธาน อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาวางคว่ำลงที่พระชานุ นิ้วพระหัตถ์ชี้ลงที่พื้นธรณี ในคราวที่พระองค์ทรงเอาชนะมารได้ และใกล้ๆ กับพระวิหารวัดนั้น ก็เป็นพระอุโบสถวางตัวกันอยู่
ส่วนสุดท้ายของศาสนสถาน เป็นเจดีย์ประธานทรงล้านนา ส่วนล่างเป็นฐานเขียงรูปสี่เหลี่ยม มีสิงห์ปูนปั้นที่มุมทั้งสี่ ถัดขึ้นไปเป็นฐานย่อมุมไม้สิบสอง รองรับชั้นมาลัยเถา ส่วนบนเป็นองค์ระฆังบนยอดประดับด้วยฉัตร
วัดช่างฆ้อง ตั้งอยู่ที่ ถนนลอยเคราะห์ ตำบลช้างคลาน ในตัวอำเภอเมืองเชียงใหม่ครับ หากใครอยากสัมผัสถึงความงามของหอไตรโบราณอายุกว่าร้อยปี ซึ่งมีกันที่เดียวในเชียงใหม่ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างไทย จีน และพม่า ขอบอกว่าไม่ควรพลาดกันอย่างยิ่งครับ รับรองว่างดงามโดดเด่น และแปลกตากันอย่างแน่นอน