ปกติถ้าเป็นค่ำคืนในช่วงศุกร์ – เสาร์ การไปย่ำราตรีแถวกาดบุญอยู่ ใกล้ๆ กับโรงเรียนยุพราช คือเรื่องที่ทำเป็นกิจวัตรประจำสัปดาห์
อารมณ์แนวๆ ปลดปล่อยชีวิตไปกับเสียงเพลง และเครื่องดื่มสีอำพัน ประเดี๋ยวถ้ามันไม่ปลดปล่อย ก็กลัวจะจืดชืดเป็นน้ำล้างจาน
นั่นคือเรื่องของกลางคืน แต่ในยามกลางวัน เหอะๆ จะบอกว่านานๆ ผ่านทีคงต้องบอกว่าใช่ แบบไม่มีผิด
แต่ ณ วันนี้ (ซึ่งหลังจากเขียนไปจนเสร็จ ชาวบ้านมาอ่าน ก็คงไม่ใช่วันนี้) ถูกแรงดึงดูดจากร้านหยกฟ้าโภชนาการ ให้ลองแวะมาชิม ซึ่งเขาว่ากันว่าที่นี้ราดหน้า ผัดซีอิ๋ว อร่อย ประกอบกับเคยคิดจะแวะกินตั้งหลายที ก็นะ วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้เมฆบดบัง แถมยังตื่นเช้า ว่าจัดไปล่ะเลยกันในมื้อเที่ยง
หยกฟ้าโภชนาการ หาร้านได้ไม่ยาก ร้านตั้งอยู่บนถนนราชภาคินัย ตรงข้ามกับสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ เวลาเปิด-ปิด ก็ประมาณซัก 10.00 – 21.00 น.
ด้านหน้าร้านทางเข้า หากันให้ดีๆ เพราะฐานบัญชาการหลายอย่างบิดบังด้านหน้าไปซะหมด ทั้งตรงทำก๋วยเตี๋ยว, ราดหน้าและยำมะม่วง
ภายในร้านแลดูกว้างขวาง มีที่นั่งหลายโต๊ะให้เลือก พอได้ที่วางตูด ก็สอดส่ายสายตามองหาเมนู สมองสั่งการได้ใจความบนป้ายได้ดังนี้
รายการอาหารมี ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ, ราดหน้า (ใส่ไข่/หมี่กรอบ), ผัดซีอิ๋ว และยำมะม่วง ส่วนเครื่องดื่ม น้ำผลไม้ปั่นหลากหลายสายพันธุ์มีให้เลือกกันเพียบ ชา กาแฟ กระเจี๊ยบ มีให้สั่งด้วย
ผมเลือกราดหน้าใส่ไข่ล่ะกัน เพราะตั้งใจมากินแต่แรกแล้ว เครื่องดื่มอากาศร้อนๆ เยี่ยงนี้ น้ำมะนาวเปรี้ยวๆ คือคำตอบสถานเดียว
รสชาติราดหน้า ถือว่าลงตัวอร่อยได้เรื่องครับ คะน้าหั่นพอดีชิ้น พอๆ กับหมูหมักนุ่ม มีไข่ที่ถูกเพิ่มลงไปเป็นตัวเสริม เส้นก๋วยเตี๋ยวไม่ติดพันกัน ภาพรวมอยู่ในระดับดีทั้งรสชาติและปริมาณ
ส่วนเครื่องดื่มน้ำมะนาว ขอบอกเลยว่าเป็นน้ำมะนาวที่อร่อยเปรี้ยวได้ใจมาก (ไม่รู้ว่าน้ำมะนาวแบบขวดมั้ย แต่ภาวนาขออย่าให้ใช่) ดูดจู๊ดๆ ที สดชื่นสุดๆ
เมนูอย่างอื่นที่เหลือ ผัดซีอิ๋วคาดว่าน่าจะอร่อยไม่แพ้กัน (ยึดเอาตรรกะจากราดหน้า) ก๋วยเตี๋ยวเนื้อมีให้สั่ง และอีกอันที่ดูไม่ไม่ค่อยเข้าพวก แต่เห็นหลายคนแนะนำกันมาเหลือเกินคือ ยำมะม่วง รสชาติจะออกมาอีท่าไหนผมก็ยังไม่รู้ เพราะยังไม่ได้ลอง เอาเป็นว่าใครไปกิน ก็ลองดูซักตั้งก็แล้วกัน รสชาติเป็นยังไงแวะมาคอมเม้นบอกกันด้วย จะเป็นพระคุณอย่างสูง
ที่ต้องบอกเช่นนั้นไม่ใช่อะไร เพราะนานๆ ทีกว่าผมจะกลับไปกินซ้ำร้านเดิม อย่างต่ำๆ ก็เดือนกว่าเลยล่ะครับ
เหตุผลไม่มีอะไรมากไปกว่าการต้องตระเวนหาร้านอร่อยกินไปแบบไม่ซ้ำที่ ทั้งนี้ก็เพื่อหาร้านใหม่ๆ มาบำเรอท่านผู้อ่านที่เคารพรักนั่นเอง