หลังจากจอดมอเตอร์ไซค์ได้ไม่ทันไร ระหว่างกำลังไถๆ เปิดดูข้อมูลในโทรศัพท์ ทันใดนั้นก็มีชายสองคน อายุราว 40 ปีรุดหน้ามาหาผม ทำนองขอคุยด้วยหน่อย
ผมถอดหูฟังออกจากหู พร้อมถามซ้ำว่ามีอะไรหรือครับ
ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาใกล้ผมกว่าเพื่อนอีกคนยืนยันว่าตัวเองเป็นตำรวจสืบสวน และต้องการที่จะขอดูบัตรประชาชนผมพร้อมกับสอบถามผมว่ามาทำอะไรที่วัดกู่เสือ
ไอ้ผมก็งงๆ ซิครับ อยู่ดีๆ เดินทะเลอทะล่ามาขอดูบัตรแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมยังแต่งตัวโคตรแสนจะธรรมดาไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไป ไร้ซึ่งมาดของนายตำรวจ ที่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ผมว่านักแสดงที่เล่นเป็นตำรวจในหนังยังมีบุคลิกที่คล้ายคลึงกว่านี้เยอะ
แต่ก็นั้นแหละ แม้จะสงสัยในรูปพรรณสัณฐาน บวกกับตัวผมเองไม่อยากมีเรื่อง เลยยินยอมควักบัตรให้ดูพร้อมกับตอบทุกคำถามที่เขาอยากรู้
มาทำอะไรที่นี้? เพิ่งเคยมาเหรอ? ทำงานอะไร? เป็นคนที่ไหน? ฯลฯ
ตอบทุกคำถามเสร็จไม่มีอะไร ชายสองคนก็เดินหนีไปหาที่จอดรถยนต์ของตัวเอง แล้วก็เดินเล่นอยู่ในวัด
คำถาม! ผมงง คือตรวจอะไร ตรวจทำไม และพวกเขามีสิทธ์อะไรมาขอตรวจชาวบ้านคนอื่นๆ โดยไม่แสดงบัตรของตัวเองว่าเป็นตำรวจ อีกอย่างการตรวจบัตรประชาชนแค่นี้ ทำให้ทราบถึงหน้าตาของคนร้ายได้เหรอ?
กระผมในฐานะของคนถูกค้น ยอมรับว่าเหมือนตัวเองถูกปล้นสิทธิไปจากใครหน้าไหนก็ไม่รู้ ที่เราก็ไม่รู้ว่าเป็นตำรวจจริงรึเปล่า หรือว่าบ้านนี้เมืองนี้มันเข้าขั้นป่วยแล้วกับสังคมการปกครอง?
ก่อนจะพาไถลออกนอกรันเวย์ ขอวกกลับมาสู่เมนูหลักในเรื่องของวัดกู่เสือ
วัดกู่เสือ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2405 มีอายุ 152 ปี (2557) เดิมชื่อว่า “บ้านปูเสื้อ” ตำนานเดิมเล่าว่า ก่อนการสร้างวัดบริเวณนี้ วัดเคยตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นที่พำนักของพ่อค้าและผู้ที่เดินทางผ่านเมืองเชียงใหม่กับเมืองลำพูน ขณะนั้นมีพระธุดงค์รูปหนึ่งได้เดินทางมาพักที่แห่งนี้ ชาวบ้านจึงพากันมากราบไหว้และนำภัตตาหารมาถวาย เมื่อชาวบ้านเห็นว่าท่านไม่มีอะไรปูนั่งจึงถอดเสื้อให้ปูนั่ง ต่อมาท่านจึงได้นำชาวบ้านสร้างวัดขึ้นโดยตั้งชื่อว่า “วัดปูเสื้อ”
บริเวณที่ตั้งของวัดจะอยู่ริมแม่น้ำปิงอันเป็นที่ราบลุ่มอยู่ทางใต้ของเวียงกุมกาม สันนิษฐานว่าเมื่อครั้งน้ำท่วมประกอบกับเกิดศึกกับพม่า ทำให้วัดถูกทำลายและร้างไปเป็นเวลานานหลายร้อยปี ครั้นเมื่อมีคนอพยพมาตั้งถิ่นฐานใหม่ก็ได้ไปเป็นศรัทธาวัดกู่ขาว ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และเห็นว่าวัดปูเสื้อเหลือแต่ซากปรักหักพังยากเกินกว่าจะบูรณปฏิสังขรณ์ ชาวบ้านจึงพากันย้ายมาสร้างในที่ปัจจุบัน ต่อมาพบว่าบริเวณนี้มีกู่ร้าง และวิหารเก่าอยู่ จึงช่วยกันบูรณะสร้างวัดใหม่ขึ้นมา โดยสร้างเจดีย์ครอบองค์เดิม รื้อวิหารเก่าและสร้างวิหารใหม่ เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดกู่เสือ” ดังมีนิทานเล่าว่า มีเสือลำบากท้องแก่ตัวหนึ่งถูกนายพรานยิงมาจกบริเวณกู่แดงแล้วมาคลอดลูกใกล้กู่ร้างนี้ก่อนจะตายไป
ทั้งนี้ ศาสนสถานที่สำคัญภายในวัดมีพระวิหาร เจดีย์ และที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์กว่าใคร คือ รูปปั้นเสือบริเวณทางเข้าของวัด