วัดบวกครกเหนือ

DSCF4455

ออกมาแว่บเที่ยววัดตระเวนรอบนอกกันบ้าง หลังจากขลุกตัวอยู่แต่ในเมืองราวกับกบจำศีล

มาคราวนี้ ไมได้อออกมาไกลมากหรอกครับ เอาที่ใกล้ๆ ก่อนแหละ ทำนองเน้นสะดวกสบายไปมาง่าย ซึ่งผมก็เริ่มมันจากอำเภอสารภี วัดที่ว่านี้ก็คือ วัดบวกครกเหนือ ที่ตั้งอยู่บ้านบวกครกเหนือ หมู่ที่ 8 ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี

DSCF4459

DSCF4454

จากประวัติความเป็นมาไม่ได้มีหลักฐานอ้างอิงที่ชัดเจน เพียงแต่บรรพบุรุษผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าสืบกันมาว่า วัดบวกครกเหนือนั้นชื่อเดิมว่าวัดหมื่นตูม หมายถึงเป็นสถานที่ตั้งของป่าช้า ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัดในปัจจุบันซึ่งเป็นสถานทำการฌาปนกิจศพของคนในสมัยนั้น แต่ชื่อไม่เหมาะสมและไม่เป็นมงคล กาลต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดบวกครกเหนือ” โดยตั้งชื่อในความหมายของคำว่าบวกครกนั้น มีหลักฐานปรากฏว่า ทางทิศใต้ห่างจากวัดประมาณ 500 เมตร มีบวกหรือแอ่งน้ำโบราณ ซึ่งในสมัยก่อนชาวบ้านใช้ครกมองตำข้าวกัน และเมื่อครกไม้ชำรุด ชาวบ้านก็นำครกไปทิ้งที่หนองน้ำนั้น จึงชุมชนนั้นว่าบวกครก

DSCF4455

DSCF4451

DSCF4453

กาลต่อมา ชุมชนขยายตัวเติมใหญ่ขึ้น จึงได้มีการสร้างวัดไว้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน ให้ชื่อว่าวัดบวกครก ต่อมาราว พ.ศ.2395 บ้านเมืองมีความเจริญมากขึ้น มีชุมชนเติบใหญ่ขึ้น จึงมีการรวมตัวกันสร้างวัดขึ้นอีกแห่งหนึ่งในชื่อเดิมว่าวัดบวกครก ดังนั้นจึงมีการเดิมชื่อในตอนท้ายว่า วัดบวกครกเหนือและวัดบวกครกใต้ จนถึงปัจจุบันนี้

DSCF4450

สำหรับศาสนสถานในวัดนั้น ก็มีทั้งพระวิหาร อุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุ โดยพระบรมสารีริกธาตุนั้น เพิ่งมีพิธีสรงน้ำกันไปในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี่เอง

DSCF4457

DSCF4458

ส่งท้ายด้วยเรื่องอยากฝากแต่ไม่เกี่ยวกับวัด คือเรื่องการขับขี่ยวดยานพาหนะ รวมทั้งการใช้ถนนตรงสี่แยกบวกครก เนื่องจากจุดดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างบ่อยพอสมควรในแต่ละปี มีผู้เสียชีวิตกันก็เยอะ

สาเหตุอย่างแรกคงมาจากตรงนั้นมันเป็นถนนที่เชื่อมต่อกันระหว่างอำเภอหางดงกับอำเภอสารภี ซึ่งจะมีรถวิ่งกันเยอะพอสมควร เนื่องจากเป็นทางนอกเมือง ส่วนอีกหนึ่งสาเหตุคือ ตรงแยกดังกล่าว ไม่มีไฟสัญญาณจราจรมาติดไว้เตือน นั้นจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยเวลาใช้รถใช้ถนน

อ่านไปเจอจากบล็อกเกอร์คนนึง บอกว่า ยอมเสียเงินไม่กี่หมื่นบาทติดไฟสัญญาณให้ชาวบ้าน ดีกว่าไปซื้อเรือดำน้ำเอาไว้รบกับเขมรฝั่งอ่าวไทย ทั้งๆ ที่ชาตินี้ไม่ได้รบกันหรอก

“ชีวิตคนมีคุณค่ามากกว่าเงิน และมันประเมินเป็นค่าเงินไม่ได้เสียด้วย” บล็อกเกอร์คนนั้นยังทิ้งข้อความเอาไว้กับแยกบวกครกดังกล่าว