แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่มี การจัดสร้างสวนพฤกษศาสตร์ที่มีมาตราฐานสากลแห่งแรกของไทย ซึ่งชื่อเดิม ชื่อ "สวนพฤกษาศาสตร์แม่สา" ตามสถานที่ตั้ง ต่อมาในปี พ.ศ. 2537 ได้รับพระมหาธิคุณพระราชทานชือว่า " สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ " Queen Sirikit Botanic Garden โดยใช้บริเวณพื้นที่สูงของอำเภอแม่ริม ด้านในส่วนปลายของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย มีเนื้อที่ประมาณ 6500 ไร่ ลักษณะเป็นพื้นราบและที่สูงต่างสลับกันไป ระดับความสูงของพื้นที่ราว 550-1270 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ด้วยสภาพพื้นที่สวยงาม สวนพฤกษาศาสตร์แห่งนี้จึงนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ทางด้านพฤกษศาสตร์และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ท่ามกลางธรรมชาติที่โดดเด่นมากของเมืองเชียงใหม่และของประเทศไทยด้วย
การเข้าไปเที่ยวชมที่ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ เชียงใหม่ ซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล และมีแหล่งเที่ยวชมมากมายนั้น คงต้องใช้เวลาพอสมควร ไม่น้อยกว่า 2-3 ชั่วโมง เพราะสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ ในวันนี้เติบโตก้าวหน้าตามวัตถุประสงค์ของการจัดอย่างสมบูรณ์ ทั้งสถานที่และการรวบรวมพรรณไม้ การอนุรักษ์พันธุกรรมพืช การค้นคว้าศึกษาวิจัยทางด้านพฤกษศาสตร์ และเพลิดเพลินกับพันธุ์ไม้ที่สวยงาม ตระการตาตลอดปี นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจทุกเพศ ทุกวัย สามารถเข้าไปศึกษาละเที่ยวชมพรรณไม้ได้ทุกฤดูกาล แม้กระทั่งฤดูฝนก็ตาม พรรณไม้ในสวนได้ถูกจัดเป็ฯหมวดหมู่อย่างมีระบบ อยู่ภายในกลุ่มอาคารเรือนกระจกต่างๆรวม 12 เรือน สามาถเดินเลือกชมต่างความต้องการได้อย่างสะดวกสบายทีเดียว
อันดับแรกของการเที่ยวชม วันนี้จะเป็นที่ ที่ กลุ่มอาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาคารเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยเรือนกระจกใหญ่ หรือเรือนป่าดิบชื้น (Tropical rainforest) โรงเรือนนั้นมีพื้นที่กว้างถึง 1000 ตารางเมตร สูง 33 เมตร ลักษณะใหญ่โตโอ่โถงกว่าอาคารส่วนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด ภายในจัดแสดงภาพภูมิทัศน์ป่าและพันธุ์ไม้ดิบชื้น อย่างที่จะสามารถเห็นได้ตามภาคใต้ เช่น พืชวงศ์ปาล์ม ใบไม้สีทอง เฟิร์น ดาหลา ฯลฯ ล้วนเจริญเติบโตได้งดงามดีเมื่ออยู่กับพืชที่มีควมชื้นสูง มีการตกแต่งบรรยากาศภายในเรือนป่าดิบชื้นด้วยน้ำตก สายน้ำ ลำธารที่คดเคี้ยวไปตามป่าเขา แถมยังมีปลาคาร์ฟสีสันสวยงามแหวกว่ายไปมาประกอบฉากอีกด้วย
ถัดมาจะเป็น เรือนกระจกขนาดกลาง (Medium size glasshouse) กว้าง 12 เมตร ยาว 42 เมตร ตั้งเรียงกันเป็นแถวอีก 3 เรือน ได้แก่ เรือนพรรณไม้น้ำ (Aquatic plants) ภายในจัดแสดงไม้น้ำและไม้ชุ่มน้ำต่างๆ รวมถึงพืชกินแมลงที่คุ้นหน้าคุ้นตา เช่น บัวชนิดต่างๆ และหม้อข้าวหม้อแกงลิง และบัวกระด้งใบใหญ่โตมโหราฬ ซึ่งเด็กสามารถลงไปนั่งเล่นได้เลยก็ตะลึงกันแล้ว
เดินชมเรือนกระจกขนาดกลางต่อ เป็น เรือนกล้วยไม้และเฟิร์น (Orchids and frens ) ภายในมีการจัดแสดงกล้วยไม้เกาะกิ่งไม้อยู่ข้างบน ส่วนใหญ่เป็นกล้วยไม้ไทยซึ่งเป็นจุดเด่นของโรงเรือนนี้ พื้นล่างเสริมแต่งด้วยเฟิร์น แปลกๆมากมาย
ต่อด้วย
เรือนพืชทนแล้ง (Arid plants) เรือนกระจกขนาดกลางอีกแห่งหนึ่งซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่เป็นพันธ์ไม้ในเขตทะเลทรายที่บ้านเราไม่มี ทางเข้าเรือนพืชทนแล้งให้สังเกตว่า มีต้นกุหลาบพุกาม หรือ กุหลาบเทียมต้นใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ นับว่าเป็นกระบองเพชรชนิดเดียวที่มีใบ เข้ามาภายในที่เป็นโถงยาวติดต่อกัน
แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน เพื่อแยกพื้นที่จัดแสดงให้มีความแตกต่างบอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่ง ห้องแรกจัดเป็น การแสดงกระบองเพชร มีการรวบพืชตระกูลกระบองเพชรชนิดต่างๆ ที่สำคัญจากทั่วโลก ดูทั้งสวยและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน ลักษณะหลากหลาย มีทั้งแบน มีทั้งกลม เหลี่ยม ต้นเล็ก ต้นใหญ่
ห้องถัดมาที่น่าสนใจไม่แห้กัน คือห้องแสดงพืชตระกูลศรนารายณ์และไม้อวบน้ำ เป็นพืชเกี่ยวกับที่ชาวบ้านชอบนำมาจักสาน ซึ่งรวมไปถึง กุหลาบหิน ว่านหางจระเข้ ปรงชนิดต่างๆ เป็นต้น
เดินออกมาจากเรือนกระจกขนาดกลางผ่านบ่อบัวกลางแจ้งที่ดอกบานสะพรั่งรับแสงตะวันอย่างสวยงาม จะพบโรงเรือนขนาดเล็ก เรียงแถวหน้ากระดานอีก 8 โรงเรือน สร้างแบบเรียบง่าย ขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 48 เมตร หลังคาเป็นพลาสติกพิเศษ ยกเปิดระบายอากาศได้ มีระบบน้ำผ่นฝอยอัตโนมัติ ตั้งเวลาได้ โรงเรือนเหล่านี้สำหรับไว้แสดงพรรณไม้ที่น่าสนใจ ได้แก่
เรือนสมุนไพร เช่น ฟ้าทลายโจร หญ้าปักกิ่ง ว่านไก่ทอง ฯลฯ สมุนไพรซึ่งมีมากมายหลากหลายจริงๆ ที่มีนักเรียนมาทัศนศึกษาจดกันไม่หวาดไม่หวั่น
เรือนไม้หายาก เป็นไม้เฉพาะถิ่น หรือมีพบน้อยลง อย่างเช่น คำมอกหลวงกฤษณา ต้นช้อยนางรำ ต้นไม้เต้นระบำ และพืชตระกูลถั่วที่พอได้ยินเสียงสะเทือนใกล้ๆ ใบคู่ข้างจะกระดิกไปมาเหมือนนางรำในละคร ใครอยากเห็นชัดๆเข้าไปร้องเพลงหรือปรบมือดังๆให้เขาฟังก็แล้วกัน
เรือนพืชกินแมลง เช่น หม้อข้าวหม้อแกงลิง กาบหอยแครง และหยาดน้ำค้าง
เรือนบอนและเรือนไม้ด่าง มีพรรณไม้ที่สวยงามประเภทใบสวย แปลก มากมายค่ะ
เรือนส้มกุ้ง เรือนสับปะรดสี ไม้ประดับจากต่างประเทศทีมีสีสันสวยงาม เป็นที่นิยมมากในการแต่งสวนทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะสับปะรดสี ที่ไม่มีผล แต่มีใบสวยและดอกชูช่อเด่นทีเดียว
เรือนบัว มีให้ศึกษากันหลายพันธุ์ เลือกดูได้ตามอัธยาศัยได้เลยค่ะ