เส้นทางวันที่สองจากพิษณุโลกไปอุตรดิตถ์ ถนนเรียบวิ่งสบายตลอดสาย แต่ก่อนจะเข้าตัวเมือง ผมมีอันต้องตกใจ เพราะขับรถอยู่ดีๆ เจองูเหลือมตัวใหญ่นอนตาย ถูกรถเหยียบไส้แตกส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ แรกๆขับมาไกลๆนึกว่า แมวหรือหมา แต่แต่พอมาใกล้ๆ แม่ง งูเหลือมใหญ่ชัดๆ
ด้วยความสงสัยว่ามันตายจริงๆมั้ย ผมเลยขับรถย้อนกลับมาดูใกล้ๆ หยิบมือถือถ่ายรูปเก็บไว้ ก่อนจะสังเกตมอไซค์คันอื่นที่มันขี่ผ่าน ว่ามึงจะตกใจเหมือนกูมั้ย
ทุกคันที่ผ่านมันเฉยครับ คือเต็มที่ก็แค่ชำเลือง ทำเหมือนว่ากับงูเหลือมยักษ์ที่นอนตายตรงนั้น มันเป็นแค่เศษกิ่งไม้โดนรถเหยียบ
นี่ถ้างูเหลือมมันมีชีวิตอยู่ มันคงดีใจที่อย่างน้อยมีผมมาสนใจมัน ก็จะให้กูไม่สนใจได้ยังไงล่ะครับ งูเหลือมยักษ์โดนรถเหยียบตาย หาดูได้ง่ายๆที่ไหนกัน ไม่ใช่หมาแมวโดนเหยียบตายทั่วๆไปซักหน่อย
ผมใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าๆขับรถถึงตัวเมืองอุตรดิตถ์ พอเข้าในเมืองก็กะจะไปกราบไหว้อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก แต่พอเข้าในเมืองก็งงกับเส้นทาง ทำให้ต้องเสียเวลากว่าจะหาอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหักเจอ กราบไหว้เสร็จสรรพ เสี่ยงเซียมซี เดินออกมาเจอจ่าเฉยยืนหน้าหล่อ เลยกดชัตเตอร์เก็บรูปจ่าเฉยเป็นที่ระลึก
จากตัวเมืองอุตรดิตถ์มุ่งหน้าสู่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ ระหว่างทางก็กะจะหาอะไรกินมื้อเที่ยง แต่ก็หายากซะเหลือเกิน เนื่องด้วยเป็นวันอาทิตย์ ร้านอาหาร ร้านค้าพากันปิดหมด กว่าจะได้กินก็เลยออกมาจากตัวเมืองตั้งไกล
มื้อเที่ยงวันนั้นที่สวาปามเข้าไป คือข้าวมันไก่ กับส้มตำปูปลาร้า รสชาติก็พอแหลกหล่าย ข้าวมันไก่น้ำจิ้มราดไม่อร่อยโคตรๆ หรือว่ามันเป็นสูตรของชาวเหนือ อันนี้ก็ไม่แน่ชัด แต่รู้แค่ว่าไม่อร่อย ส่วนส้มตำปูปลาร้า กินคำแรก ผมนึกว่าตำมะม่วง คือมันเปรี้ยวมาก แล้วเส้นมะละกอที่ฝานลงไปมันเหมือนเส้นมะม่วง
ผมพยายามค่อยๆกิน กัดกินเส้นอีกครั้งว่ามันเส้นมะละกอ หรือมะม่วงกันแน่ว่ะ ทำไมเปรี้ยวฉิบหายเลย ในใจก็นึกว่า ถ้ารสชาติแบบนี้ผมแนะนำให้เลิกขาย แล้วไปช้อนลูกน้ำขายดีกว่าครับ แต่ถ้ามองในแง่ดี เออ นี่แสดงว่าเราเริ่มคลืบคลานเข้าใกล้ความเป็นเหนือแล้ว สังเกตจากอาหารที่เพิ่งกินลงไป
บ่ายสี่โมงเย็นผมถึงตัวเมือง จ.ลำปาง พลางหยิบดูมือถือเปิดดูข้อมูลว่ามีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง จุดสำคัญที่มาร์คไว้คือ พระธาตุลำปางหลวง กับศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย
มองจากแผนที่กับช่วงเวลาใกล้เย็นแบบนี้ เลยขอไปกราบไหว้พระธาตุลำปางหลวงก่อนล่ะกัน เพราะกำหนดที่ทางพระธาตุลำปางหลวงปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าคือ ห้าโมงเย็น ซึ่งผมมีเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง น่าจะทัน ว่าแล้วก็รีบบิดรถไปพระธาตุลำปางหลวงซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 9 กม. ข้ามสะพานผ่านแม่น้ำยม ไป อ.เกาะคา
กราบไหว้เสร็จ เดินเล่น ถ่ายรูปองค์เจดีย์ ที่ข้างๆมีโบสถ์กำลังบูรณะซ่อมแซมใหม่ เผลอแปบเดียวห้าโมงเย็น เดินลงมาจากพระธาตุมาเจอขบวนรถม้านักท่องเที่ยวเลยถือโอกาสถ่ายรูปอีกซักชอตเก็บไว้
ไว้ต่อตอน 4 กับการผจญภัยในตัวเมืองลำปางครับ