ค่ายลูกเสือสุเทพ

C360_2014-01-16-12-25-35-579

ถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่ ลูกเสือในจังหวัดเชียงใหม่ หรือมนุษย์ผู้ที่ชอบเสาะหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ คาดว่าคงไม่มีใครรู้จักกับค่ายลูกเสือสุเทพ

ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ไม่รู้จักสถานที่ดังกล่าวมาก่อน แต่ไอ้ที่มารู้จักนั้น เพราะบังเอิญไปเปิดเจอในหนังสือท่องเที่ยวเชียงใหม่เล่มนึงเข้า

สิ่งที่สถานที่แห่งนี้กวักมือเรียกให้ผมมาตามที่หนังสือได้ลงข้อมูลไว้บอกว่ามันมีน้ำตกเล็กๆ ให้ชมครับ

C360_2014-01-16-12-41-40-113

โดยเส้นทางมายังค่ายลูกเสือสุเทพนั้น เริ่มจากแยกโรงแรมเชียงใหม่ภูคำ ซึ่งมันจะมีซอยเข้าไปยังวัดช่างเคี่ยน (ซอยข้างๆ 7-11) จากนั้นก็ขับตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร (ย้ำว่าอย่าเลี้ยวไหน) ก็เป็นอันถึงตัวค่ายลูกเสือ ใครหาไม่เจอถามชาวบ้านเอาก็แล้วกัน

C360_2014-01-16-12-43-09-695

พื้นที่บริเวณของค่ายลูกเสือสุเทพนั้น อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติ ดอยสุเทพ – ปุย ซึ่งจากป้ายทางก่อนเข้าถึงตัวค่ายลูกเสือ บ่งบอกไว้ว่าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย ที่ 7 (ช่างเคี่ยน) น่าจะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบบริเวณนี้

C360_2014-01-16-12-24-38-285

ก่อนถึงปากทางเข้าค่าย ผมจอดรถเดินสำรวจดูตรงบริเวณน้ำตกก่อนครับ (น้ำตกจะอยู่ติดถนนก่อนถึงปากทางเข้า) จากจุดนี้ของบริเวณน้ำตกสามารถเดินทะลุขึ้นไปยังด้านบนของค่ายลูกเสือได้

C360_2014-01-16-12-25-35-579

C360_2014-01-16-12-26-47-736

ในส่วนของน้ำตกนั้นชื่อเสียงเรียงนามผมไม่แน่ใจว่าชื่อมันคืออะไร (น่าจะชื่อน้ำตกช่างเคี่ยน?) ลักษณะของน้ำตกถือเป็นน้ำตกที่มีขนาดเล็กไม่กี่ชั้น น้ำที่ไหลลงมาสู่เบื้องล่างถือว่าน้อยพอสมควร อีกอย่างคงจะเป็นเพราะมันอยู่ในช่วงของหน้าหนาวด้วย ถ้าเป็นหน้าฝนคาดว่าคงจะมีเยอะกว่านี้ และบรรยากาศความร่มรื่นคงจะเยี่ยมยิ่งขึ้น

C360_2014-01-16-12-34-20-633

สำหรับภายในค่ายลูกเสือสุเทพ ก็จะมีอาคารวางตัวตามจุดต่างๆ ท่ามกลางป่าไม้ในบริเวณนั้นที่ร่มรื่น เห็นแว่บๆ บางจุดมีฐานฝึกของลูกเสือด้วย ซึ่งอันวันที่ผมไปภายในค่ายค่อนข้างจะเงียบ ไม่ได้มีกิจกรรมอันใดโผล่มาให้เห็น

C360_2014-01-16-12-37-18-697

C360_2014-01-16-12-38-42-119

C360_2014-01-16-12-45-45-530

ขากลับผมตัดสินใจเดินลงมาทางน้ำตกครับ (ทางปกติทางดีๆ มีไม่เดิน) ความหมายคืออยากสัมผัสอะไรที่มันเป็นธรรมชาติหน่อย เพราะวันๆ ก็เอาแต่นั่งจ่ออยู่หน้าคอม (มันเซ็งครับ) และในระหว่างที่เดินก็ให้นึกถึงเมื่อช่วงสมัยยังเป็นเด็ก ตอนนั้นวันหยุดผมกับเพื่อนจะชอบออกไปหาปลากัดป่า ตามห้วย หนอง คลอง บึง หมู่บ้านต่างๆ

สมัยนั้นน่าจะประมาณ ป.1 – 2 เห็นจะได้ การตามล่าหาปลากัดป่า ถือเป็นอะไรที่สนุกมาก วันเสาร์ – อาทิตย์ รวมกลุ่มกับเพื่อนรุ่นเดียวกันแถวบ้านและเพื่อนของพี่ พากันถีบจักรยานผ่านเป็นสิบๆ หมู่บ้านเพื่อปลากัดตัวสองตัว

7 โมงเช้าออกเดินทางด้วยสองล้อ ใครแกร่งหน่อยก็ปั่นคนเดียว ใครไม่แกร่งก็ซ้อนท้ายเพื่อนสลับกันปั่นจะได้ไม่เหนื่อย เสบียงอาหารเป็นมาม่าคนละห่อ กับเงิน 5 บา ท 10 บาท และน้ำอีก 1 ขวด อุปกรณ์มี ที่ช้อนลูกน้ำ และถุงพลาสติก พร้อมหนังยางรัด พอได้ปลากัดตามต้องการ สี่ห้าโมงเย็นเป็นอันว่ากลับถึงบ้าน

ส่วนวิธีการหาปลากัดง่ายมากครับ แค่เดินลุยลงหนองน้ำที่เป็นแหล่งของมัน หรือตามบ่อโคลนของไอ้ทุยมันนอนเล่น สังเกตง่ายๆ มันจะมีฟองน้ำลอยอยู่เหนือผิวน้ำขนาดเท่าฝ่ามือเด็ก ที่เหลือก็วัดใจเอาว่าเราช้อนแล้วจะเจอตัวปลากัดมั้ย

ปลากัดถือว่าเป็นเป้าหมายหลักในการเดินทางของแต่ละครั้ง ส่วนเป้าหมายรองลงไปนั้น คือวิวสวยๆ ระหว่างทางในการปั่นจักรยานผ่านหมู่บ้านต่างๆ

นี่ถ้าน้ำตกตรงค่ายลูกเสือสุเทพมีฟองน้ำปลากัดลอยอยู่ บางทีผมอาจจะหาอะไรมาช้อนก็ได้ เพื่อรำลึกความหลังเมื่อครั้งยังเยาว์วัย