จากข้อมูลในโลกออนไลน์ไม่ปรากฏที่เที่ยวที่ชื่อว่า “ถ้ำผาต๊ะ” นั่นจึงทำให้ผมไม่ได้รู้จักสถานที่มาตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง แต่มารู้จักระหว่างทางตอนซิ่งมอเตอร์ไซค์ เพราะป้ายมันเชิญชวน
แถมตอนมาชวน ผมดันใจอ่อนซะด้วย ด้วยเหตุผลยังไม่เคยมาเที่ยวถ้ำซักครั้งในชีวิต
จากถนนสายแม่ริม – สะเมิง แล้วเลี้ยวมายังปากทางเข้าเดียวกันกับศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่สาใหม่ ขับไปตามป้ายบอกทางราวๆ 3 กิโลเมตร ก็เป็นอันถึง “ถ้ำผาต๊ะ” กัน
สภาพถนนจากปากทางเข้ามาจัดว่าฮาร์ดคอเล็กน้อยเป็นดินลูกรัง ตรงกลางถนนมีร่องลึกราวครึ่งศอก ถ้าเป็นช่วงฝนตกคงลื่นน่าดู ใครขับมอเตอร์ไซค์เลเวลต่ำๆ อาจมีพลาดได้ ฉะนั้นพกความระมัดระวังไม่ประมาทใส่กระเป๋าไปด้วย
จอดมอเตอร์ไซค์เสร็จ บรรยากาศเงียบสงัดและวังเวงพอได้ ผมพยายามกวาดสายตาหาใครซักคนในนี้ เผื่อมีคนดูแลพื้นที่ หรือไม่ก็มีใครซักคนมาเที่ยวเหมือนผม
“ว่างเปล่า” คือคำตอบที่ได้รับ
ก่อนออกไปตะลุยถ้ำว่ามีอะไร ผมสับตีนไปยังศาลารอยพระพุทธหัตถ์ ที่วางตัวอยู่ห่างจากที่จอดรถประมาณ 800 เมตร ตรงนี้จะมีรอยพระพุทธหัตถ์ประดิษฐานบนก้อนหินใหญ่ให้กราบนมัสการ ใครอยากพรมน้ำหอม ปิดทอง ก็ต้องปีนบันไดเล็กๆ ขึ้นไปบนหินก้อนนั้น และหากยังไม่หนำใจในการทำบุญ ข้างๆ มีกล่องบริจาคสีเหลืองวางไว้อยู่
15 นาทีใช้ชีวิตแถวนี้ ผมกลับเจอปัญหาบางอย่างระหว่างมาเที่ยวที่นี้ คือจะมีแมลงบินมาตอมหูตอมตาอยู่ตลอดเวลาให้หงุดหงิดรำคาญใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาถ่ายรูป ผมล่ะแทบจะโกรธไฟลุก
กดชัตเตอร์ลำบากเกิ๊นนนนน
หลังจากกราบนมัสการรอยพระพุทธหัตถ์เสร็จ และรีบเดินหนีจากแมลง ผมมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่จะขึ้นไปยังถ้ำผาต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ กันกับที่จอดรถตัวเอง ก่อนขึ้นไปเจอที่เก็บไฟฉายไว้ค่อยให้บริการเวลาเข้าไปในถ้ำ พร้อมบอกใช้เสร็จแล้วเก็บข้าที่เดิมด้วย แต่พอผมชะเง้อคอจะหยิบเอามันมาใช้ กลับไม่มีไฟฉายซักกระบอก
งานนี้บอกได้คำเดียวว่า “ห่าลาก”
จะไม่ห่าลากได้ไง ณ ตอนนี้มาเที่ยวถ้ำ มือถือแบตก็หมด (กะจะเปิดไฟฉายในมือถือเอา) ไฟฉายก็ไม่มีให้ใช้ แล้วผมจะทำไงดีขับรถกลับไม่ไปมันต่อ หรือลุยกันต่อแบบไม่มีไฟฉายนำทางเวลาเข้าถ้ำ
คำตอบคุณผู้อ่านคงรู้ในใจ ผมเลือกไปต่อตามทฤษฎี ว่ายน้ำมาใกล้ถึงฝั่ง จะว่ายกลับก็กระไร ไปมันต่อซิพวก
ส่วนที่เหลือข้างหน้าจะเจออะไร ค่อยไปลุ้นกันเอา
เชิญอ่านต่อตอนที่ 2 ครับ