การขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นดอยปุย ถือเป็นความสนุกอย่างนึงในชีวิต
ใครไม่เคยลอง ขอแนะนำว่าควรทำอย่างยิ่ง ถ้ามอเตอร์ไซค์ไม่มี ลองเช่าหรือยืมชาวบ้านมาแว๊นดู รับรองเลยว่า เลือดลมฉีดพล่านเสียวซ่านกันอย่างถึงใจแน่นอน
สิ่งที่จะได้รับการภารกิจนี้มีอะไรบ้าง?
อย่างแรกเป็นประสบการณ์ ในการสัมผัสอากาศอันบริสุทธิ์ระหว่างทาง ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร และอย่างที่สอง เป็นความตื่นเต้นจากการขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นดอยบนถนนอันคดเคี้ยว
แค่สองอย่างนี้ การขี่รถแดงขึ้นไป หรือนั่งรถยนต์ขึ้นไป ก็แทบจะเทียบไม่ติดกันแล้ว
ครั้งสุดท้ายที่ผมขึ้นมาดอยปุย คราวนั้นเป็นช่วงต้นปีครับ มาก็มากันตอนตี 4 ขี่รถตากลมหนาวกันมาด้วยกัน 3 คน สูดอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าตรงจุดชมวิว แน่นอนมากันตอนตี 4 แบบนี้ ไม่เมา ไม่เพี้ยน ก็ไม่มีใครมากันหรอก ฮ่าๆๆ
จากคราวนั้นในช่วงดึกเกือบเช้า ผมเปลี่ยนเป็นมาคนเดียว ในช่วงบ่ายหนุ่มๆ ของวัน ต้นไม้ใบหญ้าตามข้างถนน จากพระตำหนักภูพิงค์ ไปจนถึงบ้านม้งดอยปุย แลดูเขียวชอุ่มยิ่งนัก ยิ่งได้พระพิรุณตกกระหน่ำลงมาทักทายผืนดินเล็กน้อย ยิ่งได้บรรยากาศความชุ่มชื่นขึ้นไปอีก
ถึงปากทางเข้าบ้านม้งดอยปุย มีมอเตอร์ไซค์คันนึงขับนำหน้าผมโดนกวักมือเรียกบอก “พี่ๆ จอดนี้เลยครับ” โดยต้นเสียงนั้นหลุดมาจากชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ราว 10 กว่าคน คิดคำนวณเอง คาดว่าคงช่วยบริการนักท่องเที่ยวให้หาที่จอดรถง่ายๆ แต่สำหรับผม ด้านในมีที่ว่างอีกเป็นเบือเลยขอบอก เรื่องอะไรจะยอมเดินไกลขนาดนั้น สู้เก็บแรงเอาไปเดินเล่นดีกว่าตั้งเยอะ
ปากทางเข้าหมู่บ้าน ร้านรวง ขายของที่ระลึกต่างๆ ล้วนผายมือต้อนรับ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของกิน แบบชาวชาวดอย ถูกจัดวางนำเสนอขายแก่นักท่องเที่ยว ใครอยากสัมผัสมากกว่านี้ มีชุดม้งให้เช่าใส่แบบน่ารักๆ ด้วย
จากปากทางเข้าจนลึกเข้าไป ในตัวหมู่บ้าน มีสวนดอกไม้นานาชนิดให้ชม และมีมุมน้ำตกสูงซัก 30 เมตร ไหลผ่านเอื่อยๆ ให้เด็กๆ ชาวม้งได้กระโดดน้ำเล่น ใครอยากแวะผ่านมาทางนี้ ค่าผ่านทาง 10 บาท ควักมาจ่ายคุณลุงตรงปากทางเข้าซะดีๆ
ถัดจากตรงนี้ข้ามมาอีกฟาก จะมีพิพิธภัณฑ์ชาวเขาให้ดู สนใจก็เสีย 10 บาทเช่นเคย แต่ถ้าไม่ ก็เชิญเลยตรงเชิงเขาที่มีสวนดอกไม้สวยๆ และวิวในระดับนางงามต้องยอมสยบให้
แนะนำกัน พยายามเมื่อยซักหน่อยขึ้นไปด้านบนสุด แล้วลองมองลงมาด้านล่าง นั้นแหละคือรางวัลตอบแทน แห่งการถ่อมาถึงที่นี้
แม้ไม่คุ้มค่าทุกนาที แต่บ้านม้งแห่งนี้ประทับใจแน่นอน…