ณ เวลาบ่ายสามโมงเย็นของวันหนึ่ง…
"พ่อหนุ่ม ป้าขอทางหน่อย"
เสียงช้าๆ เนิบๆ จากด้านหลังทะลุเข้ารูหูผมระหว่างนั่งพักหน้าวัดพันเลา เวียงกุมกาม ก่อนจะหันหลังกลับไป เจอป้าแก่ๆ กำลังเข็นรถเข็นมาขายปิ้งไก่
ได้พิกัดพื้นที่ตำแหน่งอันเหมาะสม ป้าแกก็ได้เวลาทำมาหากิน กลุ่มควันโขมงจากเตาย่างไก่กำลังก่อตัว จนผมต้องหลบฉากออกจากบริเวณนั้น มานั่งให้ห่างๆ พลางสายตาก็มองหญิงวัยราว 60 ปี กำลังตั้งใจปิ้งไก่อย่างพิถีพิถัน จนสุดท้าย ไม่ถึง 3 นาที หลังจากทนกลิ่นหอมปิ้งไก่ไม่ไหว ผมเลยตัดสินใจปล้นปิ้งไก่ป้าแก เฮ้ย ไม่ใช่ สมัครใจเป็นลูกค้าปิ้งไก่คนแรกของวัน
“ไม้ล่ะ 5 บาทพ่อหนุ่ม เลือกเอาเลย”
ผมจัดไป 3 ไม้พอ เพราะเพิ่งกินข้าวเที่ยงอิ่มมาใหม่ๆ รสชาติปิ้งไก่แก ถือว่าอร่อยคุ้มค่าเกินราคา 5 บาทครับ ไก่หมักพอดี ไม่มีหวานหรือเค็มเกินไป นี่ถ้าได้ข้าวเหนียวซักหน่อย แหม คงจะเยี่ยมไม่น้อยเลย
นั่งแทะปิ้งไก่ไปไม่ทันไร ลูกค้าแกเริ่มมาเรื่อยๆ ใครขับมอ’ไซค์ผ่านไปแถวนั้น เริ่มพากันแวะจอด จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 3 คนนั้นเอา 4 ไม้ คนนั้นเอา 6 ไม้ จ่ายตังค์ไปก็ได้ไก่กลับไปแทะกิน
หลังสวาปามปิ้งไก่เสร็จ ในสภาพเลอะมือ ผมเลยถามชื่อป้า แกบอกชื่อป้านกยูง เป็นคนสุโขทัย มาอยู่ที่นี่นานแล้ว ว่าแต่พ่อหนุ่ม เป็นคนที่ไหน?
“เป็นคนทุกที่ครับ” ฮ่าๆๆ ถุยยย! เป็นคนขอนแก่นครับ เพิ่งมาอยู่นี้ ผมอยู่แถวศรีปิงเมือง วันนี้มาเที่ยวเวียงกุมกาม เหนื่อยๆ ก็เลยนั่งพักครับป้า
จากนั้นผมก็เลยถามแกคร่าวๆ เรื่องขายปิ้งไก่ แกบอกขายมา 9 ปีแล้ว ขายหน้าวัดพันเลาเนี่ยแหละ ขายทุกวัน บ่ายสามถึงหกโมงเย็นก็หมดแล้ว
ผมนึกในใจตอนนั้นนะ “โอ้ว นี่ป้าแกขายปิ้งไก่มาตั้ง 9 ปีเลยเหรอ นี่ถ้าเป็นพนักงานบริษัทที่ไหนซักแห่ง คงได้รับการบำเหน็จบำนาญ ในฐานะที่ทำงานมาใกล้จะครบ 10 ปีแล้ว”
ไม่ธรรมดานะครับ ขายปิ้งไก่มาจะ 10 ปี ผมไม่รู้นะว่าป้าแกทำอาชีพอื่นเสริมอีกมั้ย แต่ดูๆ ไปแล้ว แกคงจะมีความสุขกับอาชีพของแกที่ทำแหละ เพราะไม่อย่างนั้น แกคงไม่ทำมานานขนาดนี้หรอก และยิ่งดูจากจำนวนปิ้งไก่ ผมว่าไม่น่าจะเกิน 100 ไม้ หักลบต้นทุน กำไร คงอยู่ในระดับพออยู่พอกิน
แต่ในความพออยู่พอกิน สิ่งที่มีค่ามากกว่านั้น น่าจะเป็นความสุขของแกที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก รักที่จะมีความสุขกับการได้ขายปิ้งไก่