ไม่รู้ว่าตัวเองมาผิดช่วงเวลา หรือว่าตั้งความหวังไว้สูงในระดับตึกเวิร์ดเทรดสมัยที่ยังไม่โดนถล่ม ว่าพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ต้องอยู่ในระดับประทับใจจอร์ชแน่ๆ
ก็แหม นี่มันสถานที่สำหรับต้อนรับพระราชอาคันตุกะ และที่ประทับในคราวที่เสด็จแปรพระราชฐาน เพื่อทรงเยี่ยมเยียนเหล่าพสกนิกรทางภาคเหนือ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กันเลยนะครับ ความหวังจะไม่สูงได้ยังไง
“พระตำหนักทรงไทย งามสง่า อยู่ท่ามกลางแมกไม้อันร่มรื่น ประดับประดาด้วยสวนหย่อม ลำธาร สระน้อยๆและโขดหิน แต่งแต้มด้วยไม้ดอกต่างชนิด ต่างสี หลากกลิ่น แต่ที่เป็นเอกลักษณ์ของพระราชนิเวศน์แห่งนี้ ก็คือ กุหลาบหลากหลายพันธุ์ที่เบ่งบานอวดสีสันให้ดอกโตชนิดที่ไม่เคยพบเห็นที่ใดมาก่อน”
“ผู้ใดที่ได้มีโอกาสไปชมภูพิงคราชนิเวศน์ในฤดูหนาว จะต้องตื่นตาตื่นใจกับกุหลาบหลากสี หลายร้อยพันธุ์ ที่ส่งกลิ่นหอมตลบและประชันขันแข่งความงามกันอยู่ทั่วบริเวณพระราชนิเวศน์แห่งนี้ ส่งผลให้ภูพิงค์ราชนิเวศน์สดสวยราวอุทยานสวรรค์”
สองย่อหน้าที่ผ่านมาคือคำบรรยาย จากทางเว็บไซต์ของ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ซึ่งแค่หลับตาแล้วจินตนาการตาม ความสวยงามก็บรรเจิดอยู่ตรงหน้ากันแล้ว
แต่..พอลืมตาขึ้นมาพบกับความเป็นจริง หลังควักตังค์ 20 บาท เป็นค่าบัตรเข้าชม โอ้วแม่เจ้า อะไรกันเนี่ย ทำไมดอกไม้ไม่ค่อยมีเลย แถมหลายส่วนในพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ยังอยู่ในระหว่างปรับปรุงอีก
จากแผนที่มี 10 ส่วนด้วยกันให้เดินแวะชม 2-3 ที่แรกพอทำใจนะครับ แต่พอผ่านซักครึ่งนิ เหอะๆ รู้สึกเหมือนตัวเองพลาด
เอ๊ะ พลาดยังไง แล้วมันเป็นแบบไหน ลองตามไปดูบรรยากาศทีละส่วนกันเลยครับ
เรือนปีกไม้ เป็นเรือนที่ประทับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี หรือพระราชคันตุกะและผู้ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พัก
เรือนรับรอง เป็นอาคาร 2 ชั้น สร้างแบบไทยประยุกต์ ใช้เป็นที่พักของพระราชอาคันตุกะ และข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ ที่ตามเสด็จฯ นอกจากนี้ยังใช้เป็นที่รับรองแขกในระหว่างที่รอเข้าเฝ้าฯ หรือรอเข้าร่วมงานพระราชทานเลี้ยง
พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศ ตรงนี้ปรับปรุงกันเน้นๆ เลยครับ ทั้งสวน และส่วนของพระตำหนัก
พลับพลาหมอนและสวนเฟิร์น เป็นเนินเขาเตี้ยๆ แต่เดิมปลูกต้นไม้แบบสวนป่าธรรมชาติ มีกระท่อมแบบชาวเขา สร้างด้วยไม้ไผ่หลังคามุงแฝก ใช้เป็นที่ประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถและเสวยพระกายาหารในบางครั้ง ต่อมาได้มีการสร้างพลับพลาที่ประทับทำด้วยไม้สักทองแทนกระท่อมชาวเขา ส่วนสวนเฟิร์นธรรมชาติ มีการนำเอาเฟิร์นหลายชนิดมาปลูกในบริเวณนี้
อ่างเก็บน้ำ/น้ำพุ “ทิพย์ธาราของปวงชน” เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่กักเก็บน้ำไว้ใช้ในบริเวณพระตำหนัก ริมอ่างเก็บน้ำด้านข้าง มีพลับพลาที่ประทับสร้างด้วยไม้สักทอง รอบๆ อ่างเก็บน้ำจะเป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวที่จัดเป็นทั้งแบบประดิษฐ์ และแบบธรรมชาติ
พระตำหนักสิริส่องภูพิงค์ มีชื่อเรียกโดยทั่วไปว่า “พระตำหนักยูคาลิปตัส” ก่อสร้างตามพระราชเสาวนีย์ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทีทรงให้นำไม้ยูคาลิปตัสมาทดลองใช้ประโยชน์ ในการก่อสร้างที่พักอาศัยในรูปแบบ Log Cabin
พระตำหนักพยัคฆ์สถิต เป็นพระตำหนักยูคาลิปตัสแบบ Log Cabin อีกหลังหนึ่งที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชเสาวนีย์ให้สร้างขึ้น เพื่อพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สำหรับทรงใช้เป็นที่ประทับ
พระตำหนักพฤกษาวิสุทธิคุณ เป็นอาคาร 2 ชั้น มีชั้นใต้ดิน ตั้งอยู่บนเนิน เป็นสถาปัตยกรรมไทยภาคกลางผสมภาคเหนือ เป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
สวนสุวารี ส่วนนี้เป็นสวนกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์ แต่ส่วนใหญ่ ดอกกุหลาบไม่ค่อยมีให้บาน และหอพระ ส่วนนี้ทางพระตำหนักฯ ปิดไม่ให้เข้าไป คาดว่าน่าจะทำการปรับปรุง ซึ่งอันนี้ผมก็แน่ใจ
จากรายละเอียดและภาพที่แสดงออกไป ก็ตามนั้นแหละครับ สำหรับถือว่าผิดหวังนิดๆ เป็นไปได้อยากให้เขาบอกเป็นช่วงแต่ละเดือนเลยว่าช่วงนี้ดอกไม้อะไรบาน ควรมาตอนไหน อะไรเทือกนี้ ส่วนพระตำหนักต่างๆ ผมถือว่าเฉยๆครับ ไม่อะไรมาก
ใครจะมาเที่ยว ก็อย่านุ่งขาสั้น ใส่เสื้อแขนกุด เสื้อกล้ามมานะครับ ถ้าไม่อย่าเสียตังค์ค่าเช่าเสื้อ ผ้าถุง และกางเกง ในสภาพเรียบร้อย ส่วนการเที่ยวก็มีทั้งเดินแบบสบาย และนั่งรถไฟฟ้านำเที่ยว (เสียตังค์) แต่ว่าแนะนำเดินเที่ยวแหละ ดีสุดแล้ว
08.30 – 16.30 น. คือเวลาทำการของที่นี้ทุกวัน เป็นไปได้ก็อยากให้มาช่วงหนาวๆ ไปเลยครับ จะได้เจอกุหลาบบ้านเยอะๆ หรือถ้าใจร้อนจะมาก่อน อันนี้ก็แล้วแต่นะ ไม่ได้ว่ากัน ถ้าไม่กลัวเจอสภาพอย่างที่ผมรายงานไป
อนึ่ง โปรดอย่าเชื่อสิ่งที่คุณเห็นจากรูปถ่ายทุกอย่าง บางทีภาพ 1 ภาพ อาจอธิบายความหมายไม่ได้ทั้งหมด เท่ากับเห็นของจริงจากตาตัวเอง
ปล.มาดอยสุเทพ อย่าลืมเลยมาเที่ยวพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ด้วย ไม่งั้นมันเสียเที่ยวนะจ๊ะ