ผมยังขับรถมุ่งหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ บนเขาโดยไม่รู้จุดหมายปลายทางว่าคืออะไร ตรงไหน และจะไปจบเมื่อไหร่ มันช่างเป็นการเดินทางที่ไร้ทิศทางที่สุดตั้งแต่ออกเดินทางมาของผม แต่ในความมั่วที่ว่า มันก็แฝงไปด้วยความตื่นเต้นระทึกที่ไม่อาจคาดคะเนได้
เส้นทางที่ผมขับรถไปยังคงระห่ำกันเช่นเคยไม่เปลี่ยน ถนนยังคงเป็นถนนดิน สองข้างทางเต็มไปด้วยป่า และแปลงพืชของชาวบ้าน อากาศก็เริ่มหนาวขึ้นมานิดๆ ตามระดับความสูงของภูเขา
ยิ่งขับรถเข้าไป ก็ยิ่งลึกเข้าไปในป่า พอยิ่งลึกก็ไม่รู้จะไปต่อกันยังไงแบบไหน และไม่รู้ว่าไปทำไม สุดท้ายผลของความมั่วตัวเอง ก็เลยต้องทำให้ผมตัดสินใจขับรถวกกลับลงมายังตัวหมู่บ้านแม่สาใหม่กันครับ
ผมใช้เวลาแปบเดียวก็ลงมาถึงบริเวณในหมู่บ้าน การขับรถผมปรับความเร็วให้ช้าลง เพื่อสอดส่ายสายตาหาอะไรที่น่าสนใจ เช่น อาจจะมีศูนย์อะไรซักอย่างให้นักท่องเที่ยวได้ชม ในเชิงวัฒนธรรม วิถีชีวิต หรืออาจจะมีแหล่งขายสินค้าหัตถกรรมของชาวบ้านให้ได้เลือกชมเลือกซื้อ
ฮ่าๆๆ อยากจะขำให้ตัวเองซัก 5 รอบ ไอ้ที่ผมหาอยู่ ไม่มีซักอย่างเลยครับ ท่านผู้อ่าน สรุป ไม่มีอะไรเลย ฮ่าๆๆ ว่าแล้วงานนี้ก็เลยขับรถตระเวนดูอะไรไปเรื่อยในหมู่บ้านแม่สาใหม่ และแม่สาน้อยกัน
บรรยากาศหมู่บ้านเงียบสงบ คาดว่าชาวบ้านคงพากันไปอยู่ที่สวนที่ไร่ ในหมู่บ้านจะมีแต่คนแก่และเด็กเล็กในวันหยุดที่พวกเขาไม่ได้ไปเรียน หันมองขวาทีซ้ายที ไม่รู้จะถามใคร เลยถือโอกาสถามไถ่เด็กแถวนี้ล่ะกัน ว่ามีที่เที่ยวแถวนี้กันมั้ย
“ไม่มี และไม่รู้” คือเสียงตอบรับกลับจากเด็กวัย 7 ขวบ ที่เล่นกับเพื่อนบริเวณท้ายหมู่บ้าน
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยกันแล้วว่า ผมมาทำแมวน้ำอะไรกันที่นี้ เพราะไอ้ที่ผมเจอมันแทบจะไม่มีอะไรเลย เรื่องที่ดีที่สุดที่นึกออก คงเป็นจุดชมวิวแม่สาน้อย ที่ดันขับรถไปเจอกันแบบงงๆ ส่วนที่เหลือ ถ้าจะสะกดคำว่า “ว่างเปล่า” ก็คงจะถูกจะควรกันที่สุดแล้ว
มองโลกในแบบแง่ดีสุดโต่ง ในความว่างเปล่าที่พบเจอ ในซอกหลืบเล็กๆ ก็พอจะทำเห็นเรื่องดีๆ ครั้งนี้ คือการที่เราได้ออกมาผจญภัยในสถานที่ที่ใครๆ ไม่ค่อยได้มากัน แม้มันจะไม่มีอะไรให้ดูเลยก็ตามแต่
ไม่ผิดหวังนะ แต่แค่ไม่เร้าใจ มันก็เท่านั้นครับ คุณผู้อ่านที่เคารพรัก
สวัสดีอีกที (จบแบบหนังไทยในสมัยก่อน)