วัดสวยๆ และน่าสนใจในอำเภอหางดง เชียงใหม่มีกันเยอะนะครับ ชนิดที่ว่าเราขับรถไปตามถนนสายเชียงใหม่ – ฮอด ตามรายทาง มันมีวัดให้ชมอยู่ประมาณ ราวๆ 10 กว่าที่ ชนิดที่ใครเป็นคอธรรมะน่าจะถูกใจกันไม่น้อย
คราวนี้ผมพามาที่ วัดประสาทธรรม (แม่ขัก) ที่ถูกสร้างเมื่อพ.ศ. 2309 ตามโบราณเล่าสืบกันมาหลายชั่วคน เดิมชื่อ วัดศรีดอนตอง (สะหรีดอนตอง) ตั้งอยู่บนฝั่งน้ำเหมืองจ๋อมตอง ซึ่งเป็นลำธารเล็กๆ เท่านั้น อยู่ทิศใต้ของวัดประสาทธรรม (แม่ขัก) ปัจจุบันต่อมาในปี พ.ศ. ใดไม่ทราบเพราะไม่มีใครบันทึกไว้ ได้มีน้ำป่าไหลบ่า(น้ำนอง) พัดมาแรงมากทำให้แม่น้ำหลายสายเปลี่ยนทิศทางเดินเพราะน้ำได้เซาะตลิ่งพังทลายไปหลายแห่ง ตลอดจนถึงน้ำแม่ท่าช้างอันเป็นต้นน้ำของน้ำเหมืองจ๋อมตองได้เซาะตลิ่งลงมาเรื่อยๆ คำโบราณเรียกว่า (น้ำควาก หรือน้ำขวั๋ก) ลงมาจนถึงวัดศรีดอนตองน้ำได้เซาะตลิ่ง(ต้นเหมือง) พังลงทำให้กำแพงวัดด้านตะวันตกเฉียงใต้ และด้านใต้ ตลอดถึงศาลาด้านใต้ ได้พังลงทั้งแถบเกือบครึ่งหนึ่งของเนื้อที่วัดจึงได้เปลี่ยนชื่อน้ำเหมืองจ๋อมตองเป็นน้ำแม่ขวั๋ก
คำให้การของ พ่อน้อยสุนทร เนตรศิลป์ เล่าว่า “เมื่อยังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าได้เห็นหนทางเกวียนขึ้นลงแถวเหนือต้นโพธิ์เป็นท่าลงไป ชาวบ้านเรียกว่า ท่าศาลา เพราะน้ำได้พัดศาลายุบลงตรงนั้น ต่อมาเมื่อวัดพังลงเช่นนั้น คณะศรัทธาชาวบ้านและครูบาเจ้าอาวาสจึงได้ช่วยกันย้ายวัดขึ้นมาทางเหนือและมาพักทำเป็นอารามอยู่ที่กลางบ้านใกล้กับต้นโพธิ์ใหญ่ และได้ตั้งชื่ออารามใหม่ว่า อารามแม่ขวั๋ก ชื่อเรียกตามน้ำแม่ขวั๋ก และตั้งชื่อบ้านก็ว่า บ้านแม่ขวั๋ก”
เนื่องจากอารามแม่ขวั๋กนี้มีเนื้อที่คับแคบมากไม่สามารถจะทำการก่อสร้างและพัฒนาได้สะดวก จึงได้ไปสร้างโบสถ์ไว้ที่ป่าละเมาะใกล้กับหนองน้ำอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัดประมาณ 1 ก.ม. เรียกว่า โบสถ์ร้องอึ่งอยู่มาไม่นานนักทางเจ้าเมืองเชียงใหม่จะตัดถนนสายใหม่ขึ้น โดยจะต้องผ่านอารามแห่งนี้จึงได้ย้ายขึ้นมาทางเหนืออีกหน่อย ซึ่งมีที่ดินรกร้างว่างเปล่า และมีเนื้อที่กว้างขวางพอที่จะทำเป็นวัดได้จึงได้ช่วยกันแผ้วถางจนหมดจดเรียบร้อยดีแล้ว จึงได้สร้างวัดขึ้น ณ ที่นั้น เรียกว่า วัดแม่ขวั๋ก และได้ปลูกต้นโพธิ์ไว้ห้าต้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์โดยปลูกหน้าวัด 3 ต้น หลังวัด 2 ต้น แต่ทางหลังวัดตายไปต้นหนึ่งแล้วโดยล้มลงทับวิหารหลังเก่าเกือบพัง
ส่วนที่ได้สันนิษฐานว่าเป็น วัดเก่าแก่นั้น มีการสันนิษฐานจากพระพุทธรูปไม้สักองค์เล็กๆ ซึ่งมีอยู่มากมายในสมัยนั้นนับร้อยก็ว่าได้ โดยสันนิษฐานรอยจารึกที่ฐานพระจุลศักราชที่ฐานพระเหล่านั้นเป็นจุลศักราชได้ 1128 ซึ่งนับว่าเป็นพระที่เก่าแก่พอสมควร ถ้าจะนับถึงบัดนี้ จุลศักราช 1347 ก็ประมาณ 219 ปีมาแล้ว ถ้าจะเป็น พ.ศ. ก็คือ พ.ศ. 2309 ซึ่งเป็นพระที่สร้างขึ้นในวัดแม่ขวั๋กนี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายพระพุทธรูปองค์เล็กๆ เหล่านั้น ได้ถูกปลวกขึ้นทำลายไปหมดแล้ว ต่อมาคำว่า แม่ขวั๋ก ก็ได้เพี้ยนไปจากเดิมเป็น แม่ขัก ไปจะเป็นเพราะเขียนยากหรือเรียกยาก ก็ไม่ทราบ จึงได้ชื่อว่า วัดแม่ขักไปต่อมาในปี พ.ศ. 2485 ทางกรมการศาสนาได้เปลี่ยนและตั้งชื่อวัดใหม่หลายวัด วัดแม่ขัก จึงได้เปลี่ยนไปเป็นวัดประสาทธรรม ส่วนแม่ขักนั้นตัดออกไป แต่ชาวบ้านไม่ยอมให้หาย จึงวงเล็บไว้ตรงท้ายว่า (แม่ขัก) นั้นเอง