ผมล่ะเกลี๊ยดเกลียด เวลาอ่านเจอบทความใครในเว็บซึ่งจะเรื่องอะไรก็ช่าง เวลาถกปัญหาอะไร เขียนมาซะอย่างดิบดี สุดท้ายพ่อมึงตายครับ ไม่บอกแนวทางแก้ไขปัญหา
แบบนี้เข้าข่ายเรียกว่าเขียนเอาเท่ เท่มากเลยขอบอก แต่เสียดายที่มันเท่จนกินมันไม่ได้
บอกตรงๆ ก็คงต้องพูดว่า “รำคาญ แ_ดดดดด”
อารมณ์แนวนี้แทบไม่ต่างจาก ใครบางคนพูดคำคมเท่ๆ แต่ตัวเองเสือกทำไม่ได้
แหม แบบนี้มันน่าจับเอาลูกระเบิดมายัดปาก ก่อนเอาลูกปืนยิงตามซักนัด
เวียงเจ็ดลิน อีกหนึ่งเมืองที่เหมือนลูกที่ถูกลืมให้เพิกเฉยในการขุดค้น (ดีหน่อยที่เวียงกุมกามไม่เจอชะตากรรมแบบเดียวกัน) ซึ่งอายุอานามของเวียงแห่งนี้มีมายาวนานกว่า 1,000 ปี
ความสำคัญของเวียงแห่งนี้นอกจากในเรื่องของอายุแล้ว ความพิเศษใส่ไข่ในด้านภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ในการวางผังเมืองแบบล้ำยุคที่มีลักษณะวงกลม เพื่อป้องกันน้ำหลากในฤดูฝนที่อาจสร้างความเสียหายต่อพืชผลการเกษตร บ้านเรือน รวมทั้งเพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง เป็นเรื่องที่พิศวงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในความยากของการสร้างเวียงเจ็ดลินเป็นวงกลม
ความน่าสนใจ และเด่นชัดของเวียงเจ็ดลิน คือการสร้างขอบเขตคู-คันดินที่มีลักษณะกลมนั้น จัดเป็นรูปแบบผังเมืองที่แปลก หรือพิเศษกว่าชุมชนโบราณแห่งอื่น ๆ ที่สามารถพิจารณากำหนดอายุสมัยได้ทั้งในรุ่นเก่าก่อนพุทธศตวรรษที่ 19 หรือรุ่นพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา
เวียงเจ็ดลิน แม้จะมีขอบเขตคู-คันดินรูปวงกลม แต่กลับไม่พบศาสนสถานหรือร่องรอยสิ่งก่อสร้าง อื่น ๆ ของวัดที่ศูนย์กลางเมือง และจากการขุดค้นในพื้นที่สวนรุกขชาติห้วยแก้ว บริเวณใกล้กำแพงเมืองภายในด้านทิศใต้ พบหลักฐานการกระจายของอิฐก้อนขนาดใหญ่ (25 x 55 x 15 ซม.) อันเป็นวัสดุก่อสร้างอาคารศาสนสถานหรือวัด เช่นเดียวกับอิฐของวัดร้างในเขตสวนสัตว์เชียงใหม่ ที่ตั้งอยู่ภายนอกติดกับกำแพงเวียงเจ็ดลินด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ก็ได้พบหลักฐานวัดร้างที่สำรวจพบแล้วจำนวน 6 แห่ง อันเป็นวัดที่ตั้งอยู่นอกเขตกำแพงเมืองด้านนี้
สำหรับพื้นที่บริเวณเวียงเจ็ดลิน ประมาณ 80 % กรมปศุสัตว์ได้ถือสิทธิ์ครอบครองไว้ ซึ่งสภาพพื้นที่และการใช้ที่ดินกำแพงและคูน้ำเวียงเจ็ดลิน มีหน่วยราชการตั้งอยู่ อาทิ สวนรุกขชาติเชียงใหม่ กรมป่าไม้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สถานีบำรุงพันธุ์สัตว์เชียงใหม่ สำนักงานปศุสัตว์เชียงใหม่ เป็นต้น
ณ ปัจจุบันแม้ทางกรมศิลปากรได้ทำการขุดค้นไปบางส่วนแล้ว แต่ในเรื่องของบประมาณยังมีไม่มากพอในการดำเนินการ ทั้งยังเจอสภาพพื้นที่ไม่เอื้ออำนวยในบริเวณนั้นอีก เพราะส่วนใหญ่เป็นสถานที่ราชการวางตัวอยู่หลายครั้ง
คำถามต่อมาก็คืออนาคตทิศทางเวียงเจ็ดลิน มันจะออกมาเป็นยังไง ทั้งขุดและไม่ขุดต่อ
อย่างแรกเลยถ้าไม่ขุดต่อ หลายๆ อย่างคงถูกกลืนหายไปแน่ ซึ่งถ้ามองในแง่ประวัติศาสตร์ ต้องบอกว่าพลาดและเสียหาย
อย่างที่สองถ้าขุดออกมาแล้ว การอนุรักษ์พร้อมทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวจะเวิร์กมั้ย เพราะตัวอย่างจากเวียงกุมกามก็มีให้เห็น เพราะชาวบ้านแถวนั้นต้องช่วยกันพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยวเอา ไม่อย่างงั้นแล้วเงียบเป็นป่าช้า เพราะปกติก็เงียบเป็นป่าช้ากันอยู่แล้ว
ประวัติศาสตร์ถามว่าสำคัญมั้ย ก็ต้องบอกว่าสำคัญ แต่ปัญหาคือจะทำไง ให้มันปรับเข้ากันกับโลกทุนนิยมสมัยนี้ที่นิยมแดกด่วน