รู้สึกว่าช่วงเวลา 1 ปี มันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน
นาฬิกายังคงเดินทำงานตามปกติตราบใดที่ถ่านยังไม่หมด พระอาทิตย์ขึ้นลงเหมือนเดิม เพียงแต่ไอ้ที่ไม่เหมือนเดิมคงเป็นความรู้สึกขงคนนั้นแหละ
จะไวจะช้าก็ขึ้นอยู่ที่ว่าแต่ละวันเราใช้เวลาทำห่านอะไรกันบ้าง
จำได้หยกๆ ว่าปีที่แล้วเพิ่งได้มาเที่ยวงานงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับไป เผลอแปบเดียวงานกลับมาจัดกันอีกครั้งในช่วงเวลาของต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่สภาพอากาศเริ่มชักจะหายหนาวกันแล้ว
คนที่ไม่เคยมาเที่ยวงาน หรือคิดกำลังจะมาเที่ยวงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ แน่นอนล่ะว่าในหัวต้องคิดหาจุดสนใจในงานว่ามันมีอะไรน่าชม
บอกตรงๆ จากประสบการณ์ของคนที่ไปมาก่อน ไฮไลต์ของงานก็ต้องเป็นการประกวดรถบุปผาชาติ ที่มีหลายหน่วยงานเข้ารวม อย่างปีนี้ก็ปาไป 41 ขบวน เรียกได้ว่าขนกันมาแห่อย่างหนำใจ
ขบวนแห่ก็จะเริ่มกันซักประมาณสี่โมงเย็น ของวันที่ 8 กุมภา จากนั้นพอแห่เสร็จ ประกวดกันเสร็จ ก็จะจอดรถขบวนบุปผาชาติ ตามจุดต่างๆ ในรอบคูเมือง ได้แก่ สวนบวกหาด ประตูเชียงใหม่ ประตูสวนปรุง ประตูสวนดอก ประตูช้างเผือก และประตูท่าแพ ให้ชาวบ้านได้ยลโฉมกัน
นอกจากไฮไลต์ของงานดังกล่าว เหลือจากนี้ก็จะมี การแสดงนิทรรศการ การประกวดไม้ดอกไม้ประดับและการจัดสวน การจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ของชุมชน การแสดงนาฏศิลป์ ดนตรีในสวน กิจกรรมข่วงวัฒนธรรมชาติพันธุ์ ณ สวนสาธารณะหนองบวกหาด การจัดกาดหมั้ว การแสดงดนตรีของสถาบันการศึกษา และชุดการแสดงจากกรมการท่องเที่ยว ณ เวทีลานอเนกประสงค์ข่วงประตูท่าแพ รวมๆ แล้วก็อารมณ์ประมาณนี้
ส่วนบรรยากาศที่ผมได้ไปเดินดูมาสองวัน คือคืนวันที่ 7 กับช่วงกลางวันของวันที่ 8 (ไม่ได้รอดูรถบุปผาชาติ) ปีนี้บรรยากาศค่อนข้างซบเซาพอสมควร อีกอย่างงานเทศกาลแบบนี้ที่จัดขึ้นไม่ว่าจะมุมไหนในประเทศไทย เอาเข้าจริงแล้วมันไม่ต่างอะไรจากถนนคนเดิน หรือตลาดนัดกันเลย
อย่างงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับนี้ สัดส่วนพื้นที่การจัดงาน 60 เปอร์เซ็นต์ เป็นร้านค้าขายของกิน เสื้อผ้า และอีกอื่นๆ สารพัดที่มันไม่ควรจะมาขาย ส่วนอีก 40 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นพื้นที่จัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับ ทั้งแบบเอาไว้ขาย และเอาไว้โชว์
ฉะนั้นแล้วคนที่จะมางานนี้ จุดประสงค์ก็จะมีแค่ไม่กี่อย่างกัน
มาถ่ายรูปดอกไม้ มาเดินหาซื้อไม้ดอกไม้ประดับ มาชมดอกไม้ มาหาของกิน และมาหาซื้อเสื้อผ้า
ผมถูกจัดอยู่ในประเภทหลังสุด และขอสารภาพแบบลูกผู้ชาย ไปงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับมา 2 ปีติด ไม้ดอกไม่มีติดมือกลับมาซักต้น ส่วนไอ้ที่ดันด้นไปเดินนั้น ใจความสำคัญ คือไปหาซื้อเสื้อลายสก็อตแขนยาวมือสอง
ไปงานไม้ดอก ได้เสื้อลายสก็อตกลับมา นี่ตกลงว่าผมไปเดินตลาดนัดใช่มั้ย?